
“รมว.ยุติธรรม” ร่วมแถลงจับเครือข่ายค้ายาเสพติดชายแดนใต้ 3 ราย ไอซ์ของกลางกว่าครึ่งตัน พบที่เกิดเหตุเป็นจุดพักยาจากเหนือ–อีสาน ก่อนส่งต่อปลายด้ามขวาน รอกระจายไปประเทศเพื่อนบ้าน เตรียมขยายผลตามรวบกลุ่มที่ยังหลบหนี เผยผลปฏิบัติการ 9 เดือน จับแล้วกว่า 1.2 หมื่นคดี ยึดทรัพย์ 600 ล้าน ลุยเปิดกิจกรรมระดมพลังตั้ง 150 ชุดปฏิบัติการชุมชน แก้ปัญหาระดับหมู่บ้าน
วันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.68 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตาม เร่งรัด การดำเนินงานป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) อ.เมือง จ.ยะลา ร่วมแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นไอซ์ จำนวน 615 กิโลกรัม พร้อมผู้ต้องหา และของกลางอีกหลายรายการ
โดยมี พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), พล.ต.กรกฎ ภู่โชติ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน.), นางสาวอารีภักดิ์ เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รอง ผบช.ภ.9 ร่วมการแถลง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมุ่งเน้นให้มีการป้องกัน ปราบปรามอย่างจริงจังต่อเนื่อง โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่ง ที่ 352/2567 แต่งตั้งคณะกรรมการติดตาม เร่งรัด การดำเนินงานป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือเรียกว่า “คณะกรรมการ ครส.” มี รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน
@@ เล่าที่มา..ระดมปราบยาชายแดนใต้

จากนั้น คณะกรรมการ ครส.ได้มอบหมายให้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. กำหนดแผนรวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น เพื่อบูรณาการกำลังทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา โดยเริ่มปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.–30 ก.ย.68 นั้น
ในด้านการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรภาค 9 เป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการกำลังกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กำลังทหารในพื้นที่, กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 4 (กก.3 บก.ปส.4), สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 เข้าปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ 150 หมู่บ้าน ชุมชน
ผลการปฏิบัติตั้งแต่ 1 มิ.ย.68 เป็นต้นมา สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 218 คดี ผู้ต้องหา 241 คน ของกลางยาบ้า 681,753 เม็ด ยึดทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 17,222,996 บาท
@@ แฉชายแดนใต้กลายเป็นแหล่งเสพยาของนักเที่ยว
รมว.ยุติธรรม กล่าวต่อว่า สำหรับกรณียาไอซ์ที่จับกุมในครั้งนี้ เป้าหมายคือการส่งผ่านไปยังประเทศที่สาม รวมทั้งนำมาใช้ในพื้นที่ของประเทศไทยที่อยู่แนวชายแดน ซึ่งเป็นพื้นที่เมืองเศรษฐกิจ เมื่อประเทศเพื่อนบ้านมีการผลักดันอย่างเข้มข้น ยาเสพติดก็จะอยู่ในประเทศ นักท่องเที่ยวก็จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้รับความเสียหาย
ปัจจุบันยาเสพติดถือเป็นปัญหาในระดับความมั่นคงที่ทางรัฐบาลในความสำคัญในการกวาดล้างอย่างจริงจัง พร้อมทั้งขยายผลไปยังผู้ที่บงการ ผู้ค้ารายใหญ่ ที่มีการฟอกเงินจากขบวนการค้ายาเสพติด พร้อมทั้งเตรียมการหารือในการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหาความร่วมมือในการแก้ไขอย่างจริงจังต่อไป
@@ จับไอซ์กว่าครึ่งตัน รวบ 3 ผู้ต้องหา

พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางไอซ์กว่า 600 กิโลกรัม ว่า เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.68 เจ้าพนักงานตำรวจ ได้ทำการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ชุมชนลูโบะฆง หมู่ 3 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้ผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย คือ
1.นายอีรฮัม หรือฮัง หามะ อายุ 28 ปี ชาว ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
2.นายอับดุลฮาดี หรือแบดี อาแซ อายุ 57 ปี ชาว ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
3.นายไฟท์ซาร์ หรือแบซา หลง อายุ 45 ปี ชาว ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
พร้อมของกลาง ไอซ์ น้ำหนัก 615 กิโลกรัม, รถยนต์ จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง จึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์หรือไอซ์) อันมีลักษณะเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่งคงของรัฐหรือความปลอดภัย ของประชาชน โดยผิดกฎหมาย”
@@ พบเป็นจุดพักยาจากเหนือ–อีสาน ก่อนส่งออก

จากการสืบสวน พบว่า นักค้ายาเสพติดในพื้นที่มีการติดต่อกับนักค้ายาเสพติดให้พื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดชนิดยาบ้า และไอซ์ มาจำหน่ายให้กับเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจับกุมและขยายผล ทำลายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อเดือน ก.ย.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันตรวจยึดยาเสพติด ชนิดยาบ้า จำนวน 396,000 เม็ด และออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย เหตุเกิดที่ ชุมชนลูโบะฆง หมู่ 3 ต.ปาเสมัส ชุมชนเดียวกับที่จับรอบนี้
หลังจากนั้นได้มีการสืบสวนติดตามเครือข่ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง กระทั่งทราบว่า บุคคลในเครือข่ายยังไม่ถูกจับกุม และยังมีความเคลื่อนไหวในการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานเข้ามาพักเก็บในบริเวณหมู่บ้านที่เกิดเหตุตลอด จึงได้ประสานกับแหล่งข่าวในหมู่บ้านชุมชน ในการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่า เครือข่ายดังกล่าวเตรียมการที่จะลำเลียงยาเสพติดชนิดไอซ์จำนวนมาก เข้ามาพักเก็บในหมู่บ้าน เพื่อรอส่งให้เครือข่ายในพื้นที่และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จึงได้ประสานกำลังจากหน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเข้าตรวจสอบและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง
ส่วนบุคคลในเครือข่ายที่ยังไม่ถูกจับกุม และทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดของเครือข่าย อยู่ระหว่างขยายผล เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
@@ 9 เดือน จับแล้ว 1.2 หมื่นคดี ยึดทรัพย์จ่อ 600 ล้าน

สรุปผลการปฏิบัติประจำปีงบประมาณ 2568 (ห้วงวันที่ 1 ต.ค.67 - ปัจจุบัน) สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 12,107 คดี ผู้ต้องหา 12,538 คน ของกลางยาบ้าจำนวน 19,278,016 เม็ด, ไอซ์จำนวน 1,112 กิโลกรัม, เฮโรอีนจำนวน 235 กิโลกรัม และยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมทั้งสิ้น 590,721,409 บาท
@@ ตั้ง “150 ชุดมวลชน” ล้างยาเสพติด จชต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้ พ.ต.อ.ทวี ในฐานะ รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ่อยครั้ง เพื่อสานต่อนโยบายต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด โดยพื้นที่ชายแดนใต้ 5 จังหวัดเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายสำคัญ
เมื่อวันพุธที่ 11 มิ.ย.68 พ.ต.อ.ทวี เพิ่งลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อขับเคลื่อน "แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการทุกมิติ พ.ศ. 2568 - 2570" โดยมีเป้าหมายหลักในการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการดึง “จิตอาสา” และ “ชุมชน” กิจกรรมจัดขึ้นที่ ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อ.หนองจิก
จากนั้น พ.ตงอ.ทวี เดินทางไปยัง “บ้านอุ่นไอรัก” อ.ยะหริ่ง ซึ่งเป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดระดับชุมชน ที่เน้นกระบวนการบำบัดแบบสมัครใจในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฟื้นฟูด้านจิตใจและสังคม
เสร็จแล้วได้เข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่และจิตอาสา ภายใต้แผนปฏิบัติการเอาชนะยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้มีการจัดตั้ง “ชุดมวลชนเอาชนะยาเสพติด” จำนวน 150 ชุด เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการเข้าถึงชุมชนระดับพื้นที่ ดำเนินการเชิงรุกด้านการป้องกัน เฝ้าระวัง และฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากยาเสพติด
@@ เอาชนะยาเสพติดใต้ ใช้ “มวลชน” ควบคู่ “อัยการศึก”
การระดมพลังจากทุกภาคส่วน แก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนใต้ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ค.68 ที่ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วยคณะทำงานขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภาคประชาชน กระทรวงยุติธรรม ไปประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการ “รวมพลังจิตอาสา เอาชนะยาเสพติดในจังหวัดชายแดนภาคใต้”
อ่านประกอบ : แถลงแผนปราบยา - สั่งคุม “กัญชา-กระท่อม” แพร่หนักชายแดนใต้
จากนั้น วันที่ 2 มิ.ย. กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
อ่านประกอบ : งัด “กฎอัยการศึก” ปราบยาเสพติดชายแดนใต้
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายพืชกระท่อมอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการห้ามจำหน่ายน้ำต้มพืชกระท่อมบนถนนหลวงและชุมชน เนื่องจากนโยบายผ่อนคลายทางกฎหมาย กลับกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อสังคมอย่างรุนแรง
อ่านประกอบ : จชต. “เสพกระท่อม” หนักสุดในประเทศ - “สงขลา-นราฯ” แชมป์
นโยบายของ พ.ต.อ.ทวี ก็คือ ในระยะยาวจำเป็นต้องมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพืชกระท่อมและกัญชาให้เข้มงวดและรัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมการใช้ให้เกิดประโยชน์และไม่สร้างผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน
