ศาลฎีกา จำคุก 1 เดือน ‘ตรีวิเศษ’รองนายก อบจ.มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ

Bshe

ศาลฎีกาพิพากษา ‘ตรีวิเศษ ทัพไทย’ รองนายก อบจ. มหาสารคาม จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ตอนพ้นตำแหน่ง ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี พฤติการณ์ ป.ป.ช.ส่งหนังสือแจ้งให้ดำเนินการกลับเพิกเฉยซ้ำมิชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org)รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า นายตรีวิเศษ ทัพไทย รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มหาสารคาม อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบจ.มหาสารคาม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา

คดีหมายเลขดำที่ อม. 43/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 13/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 3 เดือน เมษายน พุทธศักราช 2568 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายตรีวิเศษ ทัพไทย ผู้ถูกกล่าวหา

เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1) และมาตรา 167

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คำร้องประกอบเอกสารท้ายคำร้อง และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริง รับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม

อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 และพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 แล้ว แต่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ผู้ถูกกล่าวหาได้รับหนังสือดังกล่าวโดยชอบแล้ว ยังคงไม่ดำเนินการแต่อย่างใด ต่อมาผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหามิได้มารับทราบข้อกล่าวหา ผู้ร้องจึงมีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาโดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 และประสงค์ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในกำหนด ผู้ร้องจึงมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง

@ ป.ป.ช.ขยายเวลาให้ 30 วัน แต่เพิกเฉย

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม หรือไม่

เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดมหาสารคาม จึงเป็นรองผู้บริหารท้องถิ่นและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 และประกาศคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561ซึ่งการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่

ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อป้องปรามผู้ใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งเมื่อผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ทราบว่ายังไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และขยายระยะเวลาให้อีก 30 วัน ผู้ถูกกล่าวหายังคงเพิกเฉยไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง จนกระทั่งผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา แต่ผู้ถูกกล่าวหามิได้ไปรับทราบข้อกล่าวหา และมิได้แจ้งเหตุขัดข้อง ผู้ร้องจึงส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปตามที่อยู่ทะเบียนราษฎร ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาโดยตลอดแล้ว แต่ไม่ดำเนินการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่อย่างใด พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจเพิกเฉยต่อหน้าที่ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และมีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ร้องตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สิน ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน และหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม ผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 61 ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และการกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งด้วย

@เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอการลงโทษกำหนด 1 ปี

พิพากษาว่า นายตรีวิเศษ ทัพไทย ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Bansheeee

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage