
“…ทว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในคดีนี้ หาควรพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทุกคน คือ จำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อเป็นความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเกิดจากพฤติการณ์กระทำที่ไม่สุจริต อันถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมายตามเจตนารมณ์แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559…”
......................................
จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 (ศาลชั้นต้น) มีคำพิพากษา ‘ยกฟ้อง’ คดีกล่าวหา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก รวม 21 คน กรณี อคส. จัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ล่าสุดอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ยังอยู่ระหว่างการจัดทำคำอุทธรณ์ เพื่อยื่นต่อศาลฯ นั้น (อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม! ยกฟ้องคดี‘ถุงมือยาง’ ไม่ปรากฏใช้‘ดุลพินิจ’ทำเสียหาย-มัดจำ 2 พันล.ไม่เสียเปรียบ)
อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ (คดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 คดีหมายเลขดำที่ อท 44/2568) นายกำจัด พ่วงสวัสดิ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้ทำความเห็นแย้งในคดีดังกล่าว เป็นเอกสารความยาว 41 หน้ากระดาษ
โดยใน 3 ตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเสนอความเห็นแย้งของนายกำจัด ในคดีนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะที่มี ‘ความเสียหายใหญ่หลวง’ และมีการกล่าวอ้างถึงข้อมูลของ ‘จำเลย’ ในคดีนี้ (อ่านประกอบ : ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(1) ‘อคส.’ส่ง‘รักษาการผอ.’ดีล‘การ์เดียนโกลฟส์’วางมัดจำ 2 พันล.)
รวมถึงพฤติการณ์การทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางที่มีกระทำอย่าง ‘เร่งร้อนรีบด่วนผิดปกติ’ และ 'ลำดับเวลา' การกระทำต่างๆเกี่ยวกับการจัดหาถุงมือยาง (อ่านประกอบ : ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(2) พฤติการณ์‘รีบด่วนผิดปกติ’-อ้างนโยบาย‘รัฐมนตรี’เร่งทำสัญญา , ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(3) จ่ายมัดจำ'การ์เดียนโกลฟส์'2 พันล.-ได้ของแค่ 2.8 หมื่นกล่อง)
ในตอนสุดท้าย สำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอความเห็นแย้งของนายกำจัด ซึ่งเป็นในส่วนของ ‘บทสรุป’ โดยนายกำจัด มีความเห็นว่า จำเลยในคดีนี้ มีพฤติการณ์กระทำที่ไม่สุจริต อันถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ จึงไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ ‘ยกฟ้อง’ จำเลยทุกคน ในคดีนี้ มีรายละเอียด ดังนี้
@ทำอาชีพ‘เลี้ยงวัวขาย’ก่อนเป็น‘ตัวแทน’จัดหา‘ถุงมือยาง’
ความเห็นแย้งคดีหมายเลขดำที่ อท. 77/2567 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 วันที่ 20 พ.ค.2568 (ตอนจบ)
โจทก์
อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 โจทก์
จำเลย
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ที่ 1
บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่ 2
นายธณรัสย์ หัดศรี ที่ 3
นายสุชาติ เตชจักรเสมา ที่ 4
นายเกียรติขจร แซ่ไต่ ที่ 5
นายศรายุทธ สายคำมี ที่ 6
นางสาวปิยาภรณ์ รอดเจริญ ที่ 7
นางสาวพิชญศรส์ เศวตศุภวัฒณ์ ที่ 8
นางสาวกันตา สิงห์ศักติ ที่ 9
นายอัยวัฏฐ์ เศวตนริทร์ ที่ 10
นางสาวสุภาวดี เอกรัตนากุล หรือ จักรบดินร์ ที่ 11
นายชิเนนทรธรณ์ หรือ ชเนนทร เลิศพิพัฒน์ ที่ 12
นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์ ที่ 13
นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล ที่ 14
นายอับดุลลา ปาทาน ที่ 15
นายราชาทีปซิงห์ ยอน ที่ 16
นางฉันทิศา หวง ที่ 17
บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ที่ 18
ร้อยตำรวจเอกนพฤทธิ์ หรือณรภัทร สุขแจ่ม ที่ 19
นางนรากร รมศรี ที่ 20
นางปณาลี บุรณศิริ ที่ 21
นอกเหนือจากรายงานและสำนวนการไต่สวนคดีนี้ ตามคดีหมายเลขดาที่ 02-1-715/2563 (เอกสารของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายเลข 0001 ถึงหมายเลข 0438) ซึ่งคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นได้ดำเนินการ แล้วมีคำวินิจฉัย
จากนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 33/2566 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2566 วาระที่ 4.1.1 แก้ไขเพิ่มเติมในการประชุมครั้งที่ 36/2566 วันพุธที่ 29 มี.ค.2566 ได้ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น
ข้าพเจ้าเห็นด้วย โดยเห็นว่า มีรายละเอียด ทั้งน้ำหนักและเหตุผลหนักแน่นในมูลการกระทำความผิดของจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ด ซึ่งข้าพเจ้ามิจำต้องทำความเห็นเพิ่มเติมซ้ำอีก จึงขอตรวจสำนวนและมีความเห็นแย้งคดีหมายเลขดำที่ อท. 77/2567 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ด้วยเหตุผลมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
หลังจากช่วงวันเวลาเกิดเหตุต้นเดือน ก.ค.2563 ถึงเดือน ก.ย.2563 อีกประมาณเกือบ 4 ปี ต่อมา ในชั้นพิจารณา โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2567 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท. 77/2567
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 นัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 17 มิ.ย.2567 นัดตรวจพยานหลักฐานชั้นเจ้าพนักงานคดี ครั้งที่ 1 วันที่ 31 ก.ค.2567 นัดตรวจพยานหลักฐานชั้นเจ้าพนักงานคดี ครั้งที่ 2 วันที่ 28 ส.ค.2567 นัดตรวจพยานหลักฐานของศาลวันที่ 25 ก.ย.2567 และกำหนดนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 17 และวันที่ 18 ก.พ.2568 นัดสืบพยานจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดวันที่ 19 วันที่ 20 วันที่ 25 ถึงวันที่ 27 ก.พ.2568
ในชั้นพิจารณา โจทก์นำสืบพยานบุคคล 5 ปาก คือ 1.นายกฤษณรักษ์ ใจดี หัวหน้าส่วนงานยุทธศาสตร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อานวยการสานักยุทธศาสตร์และงบประมาณ องค์การคลังสินค้า 2.นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า 3.ว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล ผู้อำนวยการสำนักนิติการ องค์การคลังสินค้า
4.นายมูรธาธร คาบุศย์ หัวหน้าส่วนงานการเงิน สำนักบริหารการเงิน องค์การคลังสินค้า และ 5.นายจอมพล สิทธิไพร พนักงานไต่สวน เจ้าของสำนวน
ส่วนจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 17 และจำเลยที่ 19 ถึงจำเลยที่ 21 อ้างตนเองเบิกความเป็นพยานบุคคลของจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ด
เมื่อเสร็จสิ้นจากสืบพยานบุคคล คือ จำเลยที่ 21 ในวันที่ 20 ก.พ.2568 แล้ว ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 เห็นว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้ยกเลิกวันนัดสืบพยานจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดในวันที่ 25 ถึงวันที่ 27 ก.พ.2568 แล้วนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 พ.ค.2568
อย่างไรก็ตาม ในชั้นพิจารณา จำเลยที่ 15 โดยนายวัชรินทร์ นิลสกุล อายุ 57 ปี เลขหมายใบอนุญาตให้เป็นทนายความ 386/2536 ทนายความสำนักงานทนายความสมชาย นีละไพจิตร ดำเนินกระบวนพิจารณาต่างๆ
โดย 1) ยื่นคำให้การปฏิเสธ ฉบับวันที่ 17 มิ.ย.2567 2) ยื่นคำให้การเพิ่มเติม ครั้งที่ 1 ระบุเหตุแห่งการปฏิเสธ ลงวันที่ 26 ก.ค.2567 3) ยื่นคำให้การเพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ระบุเหตุแห่งการปฏิเสธ ลงวันพุธที่ 26 ส.ค.2567 4) ยื่นบัญชีพยาน พร้อมชี้ช่องพยาน ฉบับลงวันที่ 21 มิ.ย.2567 รวม 14 อันดับ เป็นพยานบุคคล 7 อันดับ พยานเอกสาร 70 อันดับ
5) ยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ฉบับลงวันที่ 26 ก.ค.2567 รวม 15 อันดับ เป็นพยานบุคคล 2 อันดับ พยานเอกสาร 13 อันดับ พร้อมชี้ช่องพยาน ฉบับลงวันที่ 30 ก.ค.2567 6) ยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ฉบับลงวันที่ 30 ก.ค.2567 รวม 2 อันดับ เป็นพยานบุคคล 1 อันดับ พยานเอกสาร 1 อันดับ ส่งเอกสาร 15 ฉบับ
ศาลหมายเป็นหมาย ล.15/1-10 พยานวัตถุ วล.15/1 พยานบุคคลที่อ้างอิง และประสงค์ให้ศาลทำการสืบพยานรวม 10 ปาก ไม่มีพยานเป็นชาวต่างชาติ ไม่มีพยานเป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี และไม่ขอสืบพยานลักษณะประชุมทางจอภาพ
ต่อมาวันที่ 8 ก.พ.2568 จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) โดยนายวัชรินทร์ ทนายความ ยื่นบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริง (เอกสารในสำนวนอันดับที่ 318 รวม 4 แผ่น) แต่กระนั้นต่อมาวันที่ 20 ก.พ.2568 จำเลยที่ 15 อายุ 58 ปี ที่ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตาบลหนองหม้อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มาตั้งแต่ประมาณวันที่ 27 ธ.ค.2564 ได้เบิกความว่า
จำเลยที่ 15 ขอยืนยันเบิกความตามบันทึกถ้อยคำและบันทึกปากคำเอกสารหมาย จ.196 ที่จำเลยที่ 15 เป็นตัวแทนของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC เนื่องจากจำเลยที่ 15 ได้รับการแนะนำจากนายเมธา ซักเซ็ด
และจำเลยที่ 15 เบิกความอธิบายว่า นายเมธากับจำเลยที่ 15 นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน และจำเลยที่ 15 เห็นนายเมธามาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากจำเลยที่ 15 รู้จักกับบิดาและมารดาของนายเมธา โดยนายเมธาเคยไปอาศัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลานาน และประกอบอาชีพทำฟาร์มเลี้ยงวัว จนกระทั่งกลับมาประเทศไทย ก็มาประกอบอาชีพเลี้ยงวัวขาย ซึ่งจำเลยที่ 15 ก็ประกอบเลี้ยงวัวขายเช่นเดียวกัน
ขณะนั้นจำเลยที่ 15 มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานีด้วย จำเลยที่ 15 จึงรู้จักคนค่อนข้างเยอะ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 นายเมธาได้พูดคุยกับจำเลยที่ 15 ว่า พรรคพวกของนายเมธาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีความต้องการซื้อถุงมือยางและให้จำเลยที่ 15 ช่วยจัดหาสินค้าให้
จำเลยที่ 15 บอกนายเมธาให้แจ้งเพื่อนของนายเมธาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทราบว่า ต้องแต่งตั้งให้จำเลยที่ 15เป็นตัวแทน โดยเอกสารในสำนวนคดีนี้ ที่เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด จำเลยที่ 15 ยืนยันว่าจำเลยที่ 15 ไม่เข้าใจ แต่ในการติดต่อกับบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC นายเมธาจะเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด
โดยทั่วไปจำเลยที่ 15 ไม่เคยติดต่อกับบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC เลย จำเลยที่ 15 มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว คือ จัดหาถุงมือยาง ซึ่งจะได้ค่าดำเนินการ 2 บาทต่อหนึ่งกล่อง จำเลยที่ 15 ไม่ได้ดำเนินการเพียงผู้เดียว โดยจำเลยที่ 14 (นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล) อยู่ในทีมของจำเลยที่ 15 ด้วย ซึ่งทีมงานของจำเลยที่ 15 รวมตัวกันทำงานในการหาถุงมือยางให้บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีนี้แล้ว
@ไม่เคยจัดหา‘ถุงมือยาง’สำเร็จ ก่อนเข้าทำสัญญากับ‘อคส.’
ในส่วนราคาที่บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ขอซื้อถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า นั้น บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC เป็นผู้กำหนดมา จำเลยที่ 15 เบิกความย้อนไปว่า ที่จำเลยที่ 15 จะได้รับค่าตอบแทนในการดำเนินการกล่องละ 2 บาท เป็นการตกลงกันระหว่างจำเลยที่ 15 กับนายเมธา
และตอบทนายจำเลยที่ 15 ขออนุญาตศาลถามว่า ในการติดต่อซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ จำเลยที่ 15 ไม่เคยเสนอผลประโยชน์ให้แก่จำเลยอื่นในคดีนี้
ภายหลังจากที่มีการทำ LOI กับองค์การคลังสินค้าแล้ว จำเลยที่ 15 กับพวก มีการดำเนินการแทนบริษัท KRENEK ในการหาซื้อถุงมือยางอีก แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่มีสินค้า
อย่างไรก็ตาม ในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการบันทึกปากคำของจำเลยที่ 15 เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2564 ตามเอกสารหมาย จ.196 (เอกสารของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายเลข 16828 ถึงหมายเลข 16847) ว่า
จำเลยที่ 15 จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารการจัดการ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี สาขาตาคลี จำเลยที่ 15 ประกอบอาชีพค้าขายโค กระบือมาทั้งชีวิต โดยขายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียบ้าง
และเป็นผู้ชำนาญการของนายอนุมัติ นามสกุลออกเสียงว่า ซู–สา–รอ แต่ไม่ทราบว่าเขียนสะกดอย่างไร เป็น ส.ส. จังหวัดปัตตานี (พรรคเดียวกับนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา) ซึ่งจำเลยที่ 15 จำไม่ได้ว่าชื่อพรรคอะไร (น่าจะหมายถึงนายอนุมัติ ซูสารอ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานี สังกัดพรรคประชาชาติ)
จำเลยที่ 15 เคยเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไปยังหลายประเทศ คือ ฮ่องกง จีน กัมพูชา พม่า นอกจากประเทศที่กล่าวมานี้ จำเลยที่ 15 ไม่เคยเดินทางไป โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา จำเลยที่ 15 ก็ไม่เคยเดินทางไป จำเลยที่ 15 ไม่เคยทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ จำเลยที่ 15 พูดเขียนอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ โดยจำเลยที่ 15 พูดเขียนอ่านได้เฉพาะภาษาไทยเท่านั้น
เกี่ยวกับการเป็นตัวแทนซื้อขายถุงมือยาง เริ่มต้นมาจากนายเมธา ซักเซ็ด ซึ่งเป็นคนที่จำเลยที่ 15 รู้จักมาตั้งแต่ตอนเด็ก นายเมธาเคยมีฟาร์มวัวที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา แต่ปัจจุบันอยู่ที่ประเทศไทย แจ้งจำเลยที่ 15 ว่า มีพรรคพวกที่สหรัฐอเมริกา คือ มิสเตอร์เอ็ดดี้ และมิสเตอร์เคท ต้องการถุงมือยางจานวนมาก จึงขอให้จำเลยที่ 15 ช่วยหาถุงมือยางเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาหรือประเทศต่างๆ ที่เป็นลูกค้า จำเลยที่ 15 บอกว่า ต้องแต่งตั้งจำเลยที่ 15 เป็นตัวแทน
ต่อมา KRENEK LAW OFFICES, PLLC จึงแต่งตั้งจำเลยที่ 15 เป็นตัวแทน โดยส่งเอกสารจากต่างประเทศผ่านมายังนายเมธา ซึ่งต่อมานายเมธา ก็แจ้งจำเลยที่ 15 ว่า มีลูกค้าต้องการถุงมือยางหลายเจ้า เท่าที่จำเลยที่ 15 จำได้ ก็จะมีจำนวน 100 ล้านกล่องบ้าง 200 ล้านกล่องบ้าง 500 ล้านกล่องบ้าง 2,000 ล้านกล่องบ้าง แต่จาเลยที่ 15 ไม่ทราบว่าลูกค้าที่ต้องการคือใคร และจำเลยที่ 15 ก็ไม่เคยหาถุงมือยางได้สำเร็จ
สาเหตุที่จำเลยที่ 15 ลงนามสัญญาซื้อขายเลขที่ PWO No. 00003/2020 เมื่อวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 กับองค์การคลังสินค้าในฐานะตัวแทน KRENEK LAW OFFICES, PLLC
เนื่องจากจำเลยที่ 14 (นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล) ซึ่งจำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) รู้จักมานาน และจำเลยที่ 15 ก็ได้ขอให้จำเลยที่ 14 ช่วยหาถุงมือยางเพื่อส่งไปยังลูกค้าที่สหรัฐอเมริกาหรือประเทศต่างๆ
ต่อมาจำเลยที่ 14 แนะนำให้จำเลยที่ 15 รู้จักกับจำเลยที่ 13 (นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์) (เป็นหลานจำเลยที่ 14 แต่จำเลยที่ 15 ไม่ทราบชื่อจริงและไม่มีเบอร์โทรศัพท์) ซึ่งจำเลยที่ 13 มาถามจำเลยที่ 15 ว่า ต้องการถุงมือยางจำนวนเท่าใด จำเลยที่ 15 แจ้งไปว่าต้องการ 500 ล้านกล่อง
จำเลยที่ 13 จึงแจ้งจำเลยที่ 15 ผ่านมายังจำเลยที่ 14 ว่า มีผู้สามารถหาถุงมือยางให้ได้ คือ องค์การคลังสินค้า และจำเลยที่ 14 นัดหมายให้จำเลยที่ 15 เข้าไปยังองค์การคลังสินค้า จำเลยที่ 15 จึงเดินทางเข้าไปยังองค์การคลังสินค้าโดยในวันดังกล่าว จำเลยที่ 14 นายสุวัฒน์ วงศ์สินศิริกุล (สามีจำเลยที่ 14) จำเลยที่ 13 ไปที่องค์การคลังสินค้าด้วย
เมื่อไปถึงจำเลยที่ 15 แจ้งจำเลยที่ 14 ว่า ไม่มีอำนาจลงนามผูกพัน แต่จำเลยที่ 15 ได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 14 ว่าเป็นเพียงการทำ MOU ไว้ก่อนเท่านั้น ซึ่งจำเลยที่ 15 ก็เข้าใจว่า เป็นตามที่ได้แจ้งไว้ จึงลงนามไปตามเอกสารภาษาอังกฤษที่มีการพิมพ์ข้อความไว้แล้ว
ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวมีนายสุวัฒน์ สามีจำเลยที่ 14 เป็นผู้ช่วยดูและแปลข้อความในเอกสารให้จำเลยที่ 15 ทราบ ซึ่งนายสุวัฒน์บอกว่า เป็นข้อตกลงชื้อขายเบื้องต้นเท่านั้น (ทว่าภาพเหตุการณ์เมื่อวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 มีภาพจำเลยที่ 15 จำเลยที่ 14 จำเลยที่ 13 และนายสุวัฒน์ สามีจำเลยที่ 14 ปรากฏอยู่ในภาพตามเอกสารหมาย จ.196 แผ่นที่ 6ด้วย (เอกสารของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายเลข 16833)
@จำเลยที่ 13 ทำธุรกิจ 2-3 ล้านบาท ก่อนดีล‘ถุงมือยาง’แสนล.
จำเลยที่ 13 (นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์) เคยให้ถ้อยคำต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2564 สรุปได้ว่า จำเลยที่ 13 อายุ 43 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาบริหารธุรกิจ ENTREPRENEURSHIP/FINANCE จาก BABSON COLLEGE รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา เมื่อประมาณปี 2545
จากนั้นประมาณปี 2546 จำเลยที่ 13 เดินทางกลับประเทศไทย แล้วประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทประมาณ 2 ปี หลังจากนั้นจำเลยที่ 13 จัดตั้งบริษัท ฟาร์โกล๊ป จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการผลิตสื่อและได้ประกอบกิจการประมาณ 5 ปี
ต่อมาจัดตั้งบริษัท นววนา จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการค้าขายอุปกรณ์ทางการเกษตร มีทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท จำเลยที่ 13 เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเป็นกรรมการผู้จัดการ และปัจจุบันก็ยังดาเนินการอยู่ จำเลยที่ 13 ไม่เคยทำธุรกิจค้าขายถุงมือยางและไม่เคยประกอบอาชีพนายหน้า รวมทั้งไม่เคยทำสัญญากับองค์การคลังสินค้า ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
โดยเมื่อประมาณเดือน มิ.ย.2563 จำเลยที่ 11 (นางสาวสุภาวดี เอกรัตนากุล หรือ จักรบดินร์) ซึ่งจำเลยที่ 13 รู้จักมาประมาณ 3-4 ปี เนื่องจากเพื่อนของเพื่อนแนะนำให้รู้จัก และเท่าที่จำเลยที่ 13 ทราบ จำเลยที่ 11 เป็นนายหน้าค้าที่ดิน จำเลยที่ 11 บอกจำเลยที่ 13 ว่า หากมีผู้ใดต้องการถุงมือยางก็ให้แจ้งจำเลยที่ 11 ได้ เนื่องจากจำเลยที่ 11 รู้จักกับโรงงานผู้ผลิตถุงมือยาง สามารถจัดหาให้ได้ตามความประสงค์
ประกอบกับในช่วงดังกล่าวจำเลยที่ 13 มีเพื่อนที่อเมริกา แนะนำให้รู้จักกับ MR.Stephan (จำนามสกุลไม่ได้) ชาวออสเตรีย เป็นเจ้าของโรงงานผลิตสิ่งทอที่ประเทศบังกลาเทศ ซึ่งจำเลยที่ 13 ได้พูดคุยกับตัวแทนของ MR.Stephan ชื่อปารีณา เป็นชาวออสเตรีย และเป็นเจ้าของโรงแรมที่ภูเก็ต
โดย MR.Stephan แจ้งผ่านตัวแทนว่า ต้องการถุงมือยาง 2-3 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 230-240 บาท จำเลยที่ 13 แจ้งจำเลยที่ 11 และมีการนัดหมายให้ MR.Stephan ไปดูโรงงานผลิตถุงมือยางแถวหนามแดง จังหวัดสมุทรปราการ แต่จำเลยที่ 13 จำชื่อโรงงานไม่ได้ เมื่อดูแล้วเห็นว่า โรงงานไม่มีความน่าเชื่อถือ MR.Stephan จึงยกเลิกความต้องการเกี่ยวกับการซื้อถุงมือยางไป
หลังจากนั้นประมาณไม่เกินหนึ่งเดือน จำเลยที่ 11 แจ้งว่า มีหน่วยงานของรัฐชื่อ องค์การคลังสินค้า จะเข้ามาเป็นตัวกลางในการจัดหาถุงมือยางและสามารถเปิด L/C ได้หนึ่งร้อยเปอร์เซ็น จึงให้จำเลยที่ 13 ไปถาม MR.Stephan ว่ายังมีความสนใจซื้อถุงมือยางอยู่ไหม
ในเวลานั้น MR.Stephan ไม่สนใจแล้ว จำเลยที่ 13 ซึ่งพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายถุงมือยางกับจำเลยที่ 14 (นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล) ซึ่งเป็นน้ามีอาชีพนำเข้าอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำฟัน จำเลยที่ 14 บอกว่ามีลูกค้า คือ จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) เป็นคนไทยเชื้อสายแขก เป็นตัวแทนของ KRENEK LAW OFFICES, PLLC มีความต้องการซื้อถุงมือยางจำนวนมากเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ
โดยจำเลยที่ 13 มีความเชื่อมั่นจำเลยที่ 15 เนื่องจากจำเลยที่ 13 เห็นเอกสารเกี่ยวกับการแต่งตั้งตัวแทน เอกสารหนังสือแสดงเจตจานงในการซื้อ (LOI) และหนังสือแสดงสถานะทางการเงินที่จำเลยที่ 14 ส่งให้จำเลยที่ 13 ดูทางไลน์ แต่จำเลยที่ 13 ไม่ทราบว่า เอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่
จำเลยที่ 13 (นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์) เห็นว่า KRENEK LAW OFFICES, PLLC มีเจตจำนงในการซื้อถุงมือยาง 500,000,000 กล่อง ในราคากล่องละ 230 บาท จากนั้นจำเลยที่ 13 แจ้งจำเลยที่ 11 ว่า มีลูกค้าต้องการถุงมือยางจำนวนดังกล่าว
ต่อมาจำเลยที่ 11 แจ้งให้จำเลยที่ 13 นัดวันกับลูกค้าไปยังองค์การคลังสินค้า เพื่อเข้าไปเซ็นสัญญาซื้อขายถุงมือยาง จำเลยที่ 13 แจ้งจำเลยที่ 14 เพื่อแจ้งจำเลยที่ 15 ให้ไปเซ็นสัญญาตามวันเวลาที่จำเลยที่ 11 นัดหมาย ซึ่งในวันเซ็นสัญญาจำเลยที่ 13 เดินทางไปด้วย และเป็นวันแรกที่จำเลยที่ 13 เจอจำเลยที่ 15 รวมทั้งเป็นครั้งแรกที่จำเลยที่ 13 เดินทางไปยังองค์การคลังสินค้าด้วย
จำเลยที่ 13 ไม่เคยทำธุรกิจกับจำเลยที่ 15 และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC มาก่อน ในการเป็นนายหน้าติดต่อการซื้อขายถุงมือยางดังกล่าว จำเลยที่ 13 ตกลงด้วยวาจากับจำเลยที่ 11 ว่า จำเลยที่ 13 จะได้รับส่วนแบ่ง 1.75 บาทต่อกล่อง ไม่มีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
จำเลยที่ 13 เคยทำธุรกิจมีมูลค่าสูงสุดในจำนวนเงินหลัก 2-3 ล้านเท่านั้น โดยจำเลยที่ 13 ไม่เคยดำเนินธุรกิจหรือเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มีมูลค่าเกินกว่านี้เลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก)
หลังจากนั้น จำเลยที่ 15 จึงส่งเอกสารที่ได้ลงนามกับองค์การคลังสินค้าไปให้แก่นายเมธา โดยส่งผ่านแอปพลิเคชัน LINE ปัจจุบันจำเลยที่ 15 ไม่เคยซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้าตามที่ลงนามกันแต่อย่างใด
@อ้างหนังสือ‘KRENEK LAW OFFICES’ต้องการซื้อ‘ถุงมือยาง’
ต่อมาวันที่ 30 มิ.ย.2564 จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงวันที่ 30 มิ.ย.2564 ตามเอกสารหมาย จ.119 (เอกสารของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายเลข 10055 ถึงหมายเลข 10205) สรุปได้ว่า
จำเลยที่ 15 ไม่รู้จักจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 13 และจำเลยที่ 16 ถึงจำเลยที่ 21 โดยรู้จักเฉพาะจำเลยที่ 14 ซึ่งเป็นบุคคลที่ช่วยตนในการจัดหาซื้อถุงมือยางให้แก่ KRENEK LAW OFFICES, PLLC
และในการจัดหาซื้อสินค้าให้แก่ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ตนยังได้ร่วมกับ นายศิษฎ์ คะระวานิช นายทวีเดช เพ็ชร์หิน และนายทวีศักดิ์ โน้ตสุภา อีกด้วย โดยกล่าวอ้างเพียงว่า การติดต่อประสานกับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC จำเลยที่ 15 ประสานผ่านนายเมธา ซัคเซท เป็นผู้แปลภาษาให้
โดยมีนายศิษฎ์ คะระวานิช เป็นพยานบุคคล ซึ่งให้ถ้อยคำต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2564 สรุปได้ว่า นายศิษฏ์ จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาบริหารการตลาด จากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว โดยเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ไผ่มหาเศรษฐี จำกัด ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการเพาะพันธุ์ไผ่พันธ์กิมซุง แต่ปัจจุบันไม่ได้ดาเนินธุรกิจ เนื่องจากประสบปัญหาทางด้านเงินทุน
นอกจากนี้ นายศิษฏ์ ยังประกอบอาชีพเสริมในการเป็นนายหน้าค้าที่ดินเป็นครั้งคราว นายศิษฏ์ ไม่เคยประกอบอาชีพนายหน้าค้าขายถุงมือยางมาก่อน
เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน นายศิษฏ์ เคยส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไม้ไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 2–3 ครั้ง หลังจากนั้น ก็ไม่เคยส่งสินค้าใดๆ ออกไปนอกประเทศอีก
นายศิษฏ์รู้ จักกับจำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เนื่องจากจำเลยที่ 15 เคยนำงานก่อสร้างมาให้นายศิษฏ์หาผู้รับเหมาให้ เท่าที่นายศิษฏ์จำได้ มีประมาณ 10 งาน นายศิษฏ์ จะติดต่อกับจำเลยที่ 15 ก็ต่อเมื่อมีงานต่อกันเท่านั้น
เกี่ยวกับการเป็นนายหน้าซื้อขายถุงมือยางให้แก่จำเลยที่ 15 เริ่มจากเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นายศิษฏ์ จำวันเวลาที่ชัดเจนไม่ได้ จำเลยที่ 15 แจ้งนายศิษฏ์ ด้วยวาจา มีความต้องการมาจากสหรัฐอเมริกา ในการหาถุงมือยาง โดยมีความต้องการจำนวน 5,000 ล้านกล่อง ภายใน 1 ปี แต่ยังไม่ได้บอกราคาว่ากล่องละเท่าใด
ในเวลานั้น นายศิษฏ์ ก็ไม่เคยเห็นเอกสารว่า จำเลยที่ 15 เป็นตัวแทนของผู้ใด และนายศิษฏ์ ก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษ จึงไม่ได้ขอดูเอกสารดังกล่าว
หลังจากนั้น นายศิษฏ์ ได้สอบถามเพื่อน ผู้เป็นเจ้าของบริษัทเจ้าพระยา (จำชื่อเต็มไม่ได้ และก็ไม่ทราบว่ามีวัตถุประสงค์ใด ไม่ทราบว่ามีเงินทุนหมุนเวียนเท่าใด) จึงได้รับแจ้งว่า สามารถหาถุงมือยางให้ได้ เป็นสินค้ายี่ห้อฮงเรย์ (HONGRAY) ซึ่งผลิตจากประเทศจีน
แต่เมื่อแนะนำให้จำเลยที่ 15 พูดคุยรายละเอียดแล้ว ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากบริษัทเจ้าพระยา ขาดเอกสารเกี่ยวกับการแต่งตั้งจากโรงงานผู้ผลิต โดยในการเป็นนายหน้าครั้งนี้ นายศิษฏ์ ตกลงด้วยวาจากับบริษัท เจ้าพระยาว่า จะได้ค่านายหน้ากล่องละ 1.50 บาท แต่ไม่ได้ตกลงกันเป็นหนังสือ และไม่ได้ทำสัญญานายหน้าต่อกันแต่อย่างใด
ต่อมาประมาณเดือน ส.ค.2563 จำเลยที่ 15 แจ้งให้นายศิษฏ์ไปหาถุงมือยาง แต่ไม่ได้บอกว่า เป็นจำนวนกี่กล่อง กล่องละกี่บาท ซึ่งนายศิษฏ์ โทรสอบถามไปยังเพื่อนผู้เป็นนายหน้าของถุงมือยางยี่ห้อแครนเบอร์รี่ ที่มีโรงงานตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย จึงได้รับแจ้งว่ามีโควตา 3,000 ล้านกล่อง ขนาดไซส์ S M L กล่องละ 21 เหรียญสหรัฐ ขนาดไซส์ XL กล่องละ 21.20 เหรียญสหรัฐ
โดยนายศิษฏ์ นัดหมายให้จำเลยที่ 15 ไปพูดคุยรายละเอียดกับนายหน้าของถุงมือยางยี่ห้อแครนเบอร์รี่ แต่จำไม่ได้ว่า นัดไปที่ใด สถานที่ตั้งอยู่ที่ใด ซึ่งในวันนัดหมายนายศิษฏ์ไปด้วย แต่จำรายละเอียดไม่ได้ว่า พูดคุยอะไรบ้าง โดยท้ายที่สุด ก็ไม่ได้มีการสัญญากัน เนื่องจากขาดเอกสารการแต่งตั้งจากโรงงานที่ประเทศมาเลเซีย
ในส่วนของการทำสัญญาที่องค์การคลังสินค้า นายศิษฏ์ ไม่ได้เป็นนายหน้าติดต่อแต่อย่างใด นายศิษฏ์เพียงไปเป็นเพื่อนจำเลยที่ 15 เท่านั้น เนื่องจากจำเลยที่ 15 ไม่มีรถ โดยนายศิษฏ์ ได้เช่าอพาร์ตเม้นท์อยู่แถวพระราม 9 และได้ขับรถไปรับจำเลยที่ 15 แถวหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อเดินทางไปยังองค์การคลังสินค้า
นายศิษฏ์ รู้จักจำเลยที่ 14 (นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล) เนื่องจากนายศิษฏ์ เคยเป็นนายหน้าค้าที่ดินให้แก่จำเลยที่ 14 หลายครั้ง นายศิษฏ์ ขอมอบเอกสารดังต่อไปนี้ เพื่อประกอบการให้ถ้อยคำ
1.เอกสารที่นายศิษฏ์เคยเห็นมาก่อน แต่ไม่ได้อ่านรายละเอียดและไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้อง ประกอบด้วย
1.1 หนังสือ KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันจันทร์ที่ 17 ส.ค.2563 1.2 หนังสือ KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันศุกร์ที่ 21 ส.ค.2563 LETTER OF INTENT 1.3 หนังสือ KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 LETTER OF ATTESTATION
โดยเอกสารทั้งสามรายการ เป็นเอกสารที่นายศิษฏ์ เคยเห็น แต่ไม่ทราบว่า ได้นำเอกสารไปใช้ในการดำเนินการอะไรบ้าง ซึ่งทนายความของจำเลยที่ 15 ได้นำมาให้นายศิษฏ์ก่อนให้ถ้อยคำ
2.เอกสารที่นายศิษฏ์ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ทนายความของจำเลยที่ 15 นำมาให้ก่อนให้ถ้อยคำ (นายศิษฏ์ จำชื่อไม่ได้ เนื่องจากเจอกันครั้งแรกในวันนี้)
2.1 หนังสือ KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันพฤหัสบดีที่ 20 ส.ค.2563 LETTER OF INTENT 2.2 หนังสือ KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันจันทร์ที่ 24 ส.ค.2563 DECLARATION AND ATTESTATION 2.3 หนังสือ KRENEK LAW OFFICES, PLLC วันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค.2563 LETTER OF INTENT
3.รูปถ่ายที่นายศิษฏ์ ไปร่วมพูดคุยกับตัวแทนถุงมือยางยี่ห้อแครนเบอร์รี่ แต่นายศิษฏ์ไม่ได้เป็นผู้ถ่ายภาพ โดยทนายความของจำเลยที่ 15 นำมาให้นายศิษฏ์ก่อนให้ถ้อยคำ และ
4.รูปถ่ายที่นายศิษฏ์ ไปร่วมพูดคุยกับตัวแทนถุงมือยางยี่ห้อ Sky med แต่นายศิษฏ์ ไม่ได้เป็นผู้ถ่ายภาพ โดยทนายความของจำเลยที่ 15 ได้นำมาให้นายศิษฏ์ก่อนให้ถ้อยคำ
ส่วน นายเมธา ซักเซ็ด ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นหนังสือต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เมื่อวันที่ 6 ส.ค.2564 สรุปได้ว่า
ประมาณเดือน ส.ค.2563 จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) มาขอให้ตนช่วยแปลและทำหนังสือติดต่อไปกับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC เพื่อแต่งตั้งตัวแทน และมอบหมายให้จำเลยที่ 15 เป็นผู้จัดหาซื้อถุงมือยางในประเทศไทย
ตนได้ติดต่อสื่อสารกับทาง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ทางอีเมล จนในที่สุดจำเลยที่ 15 จะไปติดต่อเจรจาซื้อถุงมือยางที่บริษัทใดในประเทศไทย ก็จะแจ้งให้ตนทำหนังสือแจ้งไปยัง KRENEK LAW OFFICES, PLLC เพื่อให้ออกใบ LOI (Letter Of Intent) นำไปแสดงต่อบริษัทที่จะไปเจรจาซื้อถุงมือยาง มีการให้ตนติดต่อให้ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ออกใบ LOI (Letter Of Intent) หลายบริษัท รวมทั้งองค์การคลังสินค้า
เอกสารเกี่ยวกับการแต่งตั้งตัวแทนและใบ LOI (Letter Of Intent) เมื่อได้รับจากทาง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ก็จะมอบให้แก่จำเลยที่ 15 ไปทั้งหมด เมื่อไปเจรจาซื้อสินค้าแล้ว ก็มาแจ้งให้ตนทำหนังสือแจ้งผลการเจรจา และภาพถ่ายการเจรจาซื้อถุงมือยางไปยัง KRENEK LAW OFFICES, PLLC
สำหรับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC จากการที่ตนได้ติดต่อประสานงานให้แก่จำเลยที่ 15 นั้น KRENEK LAW OFFICES, PLLC เป็นบริษัททำหน้าที่เป็นตัวแทนในการจัดหาสินค้าต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้า จึงได้แต่งตั้งจำเลยที่ 15 เป็นตัวแทนเพื่อเป็นผู้จัดหาสินค้าให้แก่ลูกค้าที่มอบหมายให้ KRENEK LAW OFFICES, PLLC จัดหาสินค้าให้
เมื่อทาง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ได้ทราบเรื่องเกี่ยวกับการติดต่อเจรจาซื้อถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้ามีปัญหาเกิดขึ้น จำเลยที่ 15 ได้แจ้งให้ทาง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ทราบ
ต่อมาวันที่ 11 มิ.ย.2564 KRENEK LAW OFFICES, PLLC ได้ทำหนังสือชี้แจง พร้อมแนบเอกสารเกี่ยวกับลูกค้าที่ต้องการซื้อถุงมือยางและสินค้าอื่นของ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ถึงผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้จำเลยที่ 15 นำไปแสดงเพื่อยืนยันว่าได้มอบหมายให้จำเลยที่ 15 เป็นตัวแทนในการจัดหาเจรจาซื้อถุงมือยางจริง
และมีลูกค้ามอบหมายให้ KRENEK LAW OFFICES, PLLC จัดหาซื้อถุงมือยางให้จริง และได้มีการจัดหาซื้อถุงมือยางให้ลูกค้าได้จริง รายละเอียดปรากฏตามหนังสือชี้แจงและเอกสารประกอบในการเป็นตัวแทนในการจัดหาซื้อถุงมือยางและสินค้าอื่น ๆ ให้ลูกค้าที่มอบหมาย ซึ่งนายเมธาได้มอบให้แก่จำเลยที่ 15 ไปแล้วเช่นกัน เอกสารต่างๆ ที่ได้รับมาจาก KRENEK LAW OFFICES, PLLC ตนได้มอบให้แก่จำเลยที่ 15 ไปทั้งหมดแล้ว
จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) ไม่สามารถอ่าน พูด เขียน และแปลภาษาอังกฤษได้ ซึ่งข้าพเจ้าเห็นว่า สัญญาที่ PWO No.00003/2020 ลงวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 ได้พิมพ์ข้อความว่า PURCHASE CONTRACT ซึ่งแปลว่า “สัญญาซื้อ”
นอกจากนี้ ยังกำหนดรายละเอียดในสัญญาประกอบด้วย ข้อ 1.ผลิตภัณฑ์และคุณภาพ ข้อ 2.ปริมาณ ข้อ 3.ราคา ข้อ 4.มูลค่ารวม ข้อ 5.การขนส่ง ข้อ 6.วิธีการชำระเงิน ข้อ 7.หน้าที่ ข้อ 8.การรับประกัน ข้อ 9.ใบอนุญาต ภาษีและอากร และค่าภาระใช้ท่าเรือ ข้อ 10.อนุญาโตตุลาการ ข้อ 11.เงื่อนไขเพิ่มเติม ข้อ 12.ข้อกำหนดเพิ่มเติม โดยมีรายละเอียดครบถ้วนเป็นสัญญาซื้อขายแล้ว
@‘KRENEK LAW OFFICES’ไม่เคยนำเข้าถุงมือยาง-ไม่มี‘อีเมล’
ได้ความว่า จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) ประกอบอาชีพค้าขายโค กระบือ ไม่เคยทำธุรกรรมโอนเงินระหว่างประเทศ พูด เขียน อ่านภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่จำเลยที่ 15 อ้างว่า ในการเป็นตัวแทนซื้อขายถุงมือยางของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในมลรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา มีนายเมธา ซักเซ็ด เป็นผู้ประสานงานให้ นายเมธา อ้างว่า ได้ติดต่อสื่อสารกับบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ทางอีเมล
แต่จากถ้อยคำของนายจิรกานต์ เพชรชาติ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้ถ้อยคำว่า ได้ตรวจสอบข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
โดยการสอบถามข้อมูลไปยังสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งมีเขตรับผิดชอบในมลรัฐเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย มลรัฐเนวาด้า มลรัฐแอริโซน่า มลรัฐโอเรกอน มลรัฐไอดาโฮ เป็นต้น ตั้งแต่ 2563 จนถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฏว่ามีรายชื่อ KRENEK LAW OFFICES, PLLC เป็นผู้นำเข้าสินค้าถุงมือยางในมลรัฐดังกล่าว
รวมทั้งสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้ตรวจสอบข้อมูลของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ปรากฏว่าบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ไม่มีทั้ง website และ e-mail ติดต่อ เจ้าของกิจการชื่อ Mr. Eddie M. Krenek จดทะเบียนใบอนุญาตประกอบอาชีพทนาย
สำหรับ primary location ของบริษัท พบว่าถูกใช้เป็นที่อยู่ในการจดทะเบียนบริษัท KT Captive Insurance Management LLC ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเปิดที่สาธารณชนสามารถเข้าถึงได้
ประกอบกับข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 15 อ้างว่า ได้ประสานกับบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ในวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.2563 เพื่อให้จัดทำหนังสือเจตจำนงค์ในการซื้อ (Letter of Intent) จนบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC มีหนังสือเจตจำนงค์ในการซื้อ (Letter of Intent) เมื่อวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 ซึ่งเป็นระยะเวลากระชั้นชิด
แต่ในหนังสือเจตจำนงค์ในการซื้อ (Letter of Intent) ดังกล่าว กลับระบุว่า มีความต้องการถุงมือยางไนไตรจำนวนมากถึง 500,000,000 กล่อง ราคากล่องละ 230 บาท เป็นจำนวนเงินสูงถึง 115,000,000,000 บาท อีกทั้งไม่ปรากฏว่า มีการนำเอกสารดังกล่าวใช้ประกอบการทำสัญญา
จำเลยที่ 15 ไม่มีเอกสารแต่งตั้งตัวแทนในการซื้อขายถุงมือยาง และไม่มีหนังสือเจตจำนงค์ในการซื้อ (Letter of Intent) ในวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 ซึ่งเป็นวันที่ลงนามสัญญา
@มี‘ข้อพิรุธชวนให้เคลือบแคลงระแวงสงสัย’ในการต่อสู้คดี
สำหรับนายเมธาและนายศิษฏ์ แม้มีชื่อเป็นพยานบุคคลในบัญชีพยานจำเลยที่ 15 ฉบับลงวันที่ 21 มิ.ย.2567 แต่ไม่เคยมาเบิกความเป็นพยานต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จึงยากที่จะรับฟังถึงการมีอยู่และความถูกต้องแท้จริงของเอกสารต่างๆ ตามที่จำเลยที่ 15 โดยทนายความเป็นผู้นำส่ง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าเบิกความชั้นพิจารณาของจำเลยที่ 15 ในวันที่ 20 ก.พ.2568 ประกอบบันทึกปากคำของจำเลยที่ 15 ผู้ให้ถ้อยคำในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 15 ก.พ.2564 ตามเอกสารหมาย จ.196 (เอกสารของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายเลข 16828) ซึ่งจำเลยที่ 15 เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ ในฐานะผู้ให้ถ้อยคำ
โดยเวลาผ่านไปแล้วเกือบ 6 เดือน นับแต่วันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 ซึ่งมีการลงนามในสัญญาซื้อขาย (อันนำตัวอย่างมาจากจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นตัวอย่างสัญญาของบริษัท เมดิน่า แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ที่จำเลยที่ 7 เป็นกรรมการบริษัท) ระหว่างองค์การคลังสินค้า โดยจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 15 นั้น มีลักษณะเป็นทำนอง จำเลยที่ 15 เป็นตัวแทน/นายหน้าของนายเมธา ยิ่งกว่าจะเป็นตัวแทน/นายหน้าของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC เสียด้วยซ้ำ
ประกอบกับเพิ่งมีการอ้างส่งหนังสือให้ถ้อยคำในฐานะพยานของนายเมธาต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น ฉบับลงวันที่ 6 ส.ค.2564 (เอกสารของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายเลข 10205 ถึงหมายเลข 10206) แต่ส่งถึงคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น (ณ สำนักไต่สวนการทุจริตภาครัฐวิสาหกิจ 1) เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ส.ค.2564
ภายหลังจากที่จำเลยที่ 15 โดยทนายความ ได้นำนายศิษฏ์ มาให้ถ้อยคำในวันจันทร์ที่ 9 ส.ค.2564 (สัปดาห์ที่ผ่านมา) เพื่อรับรองหนังสือต่างๆ ของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC อาทิ ฉบับลงวันที่ 17 ส.ค.2563 ฉบับลงวันที่ 20 ส.ค.2563 (LETTER OF INTENT) ฉบับลงวันที่ 21 ส.ค.2563
(LETTER OF INTENT) ฉบับลงวันที่ 24 ส.ค.2563 (DECLARATION AND ATTESTATION) ฉบับลงวันที่ 25 ส.ค.2563 (LETTER OF ATTESTATION) และฉบับลงวันที่ 27 ส.ค.2563 (LETTER OF INTENT) รวมทั้งรูปถ่ายที่นายศิษฏ์ไปร่วมพูดคุยกับตัวแทนถุงมือยางยี่ห้อแครนเบอร์รี่ และยี่ห้อ Sky med ซึ่งนายศิษฏ์ไม่ได้เป็นผู้ถ่ายภาพ โดยทนายความของจำเลยที่ 15 นำมาให้นายศิษฏ์ก่อนให้ถ้อยคา
โดยนายเมธา ก็ไม่เคยปรากฏตัว ทั้งในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และชั้นพิจารณาของศาล การไม่พยายามนำนายเมธา มาให้ถ้อยคำพร้อมกับจำเลยที่ 15 ต่อคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นก็ดี และ/หรือการไม่พยายามนำนายเมธา มาเบิกความพร้อมกับจำเลยที่ 15 ในชั้นพิจารณาของศาลก็ดี ล้วนเป็นข้อพิรุธชวนให้เคลือบแคลงระแวงสงสัยในความสุจริตของกระบวนการต่อสู้คดีในลักษณะเช่นนี้
การที่จำเลยที่ 15 กล่าวอ้างว่า เป็นตัวแทน/นายหน้า ของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ในความเกี่ยวข้องหรือมีนิติสัมพันธ์กับองค์การคลังสินค้า จึงไม่น่าเชื่อถือ
ในทางตรงกันข้าม ข้อเท็จจริงกลับมีมูลน่าเชื่อว่า จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) ได้ร่วมกันมาตั้งแต่ต้นกับจำเลยที่ 14 จำเลยที่ 13 และจำเลยที่ 11 แอบอ้างว่าเป็นตัวแทนของบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLC ในการซื้อขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่า มีลูกค้ารองรับซื้อต่อล่วงหน้า
เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการถอนเงินขององค์การคลังสินค้าที่ได้ฝากประจำไว้ยังสถาบันการเงิน ไปจ่ายเป็นเงินล่วงหน้า และเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) เข้าทำสัญญาขายถุงมือยางกับองค์การคลังสินค้า โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น และโดยมีเจตนาให้จำเลยที่ 2 ได้รับเงินล่วงหน้า 2,000,000,000 บาท จากองค์การคลังสินค้า
@พฤติการณ์กระทำโดยทุจริต ไม่เห็นด้วย‘ยกฟ้อง’21 จำเลย
พฤติการณ์การกระทำต่างๆ ได้กระทำอย่างเร่งร้อนรีบด่วนผิดปกติอย่างยิ่ง ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการสรรหาผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าคนใหม่ อันปรากฏจากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ของจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) เองว่า
ในวันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค.2563 เวลาประมาณ 10.00 น. จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) ร่วมกับจำเลยที่ 5 (นายเกียรติขจร แซ่ไต่) ยกร่างสัญญาถุงมือยางตามคำสั่งของจำเลยที่ 4 (นายสุชาติ เตชจักรเสมา-ประธาน อคส.) ที่ห้องประชุมชั้น 6 องค์การคลังสินค้า โดยมีจำเลยที่ 6 จำเลยที่ 3 และทีมงานของจำเลยที่ 3 จากจำเลยที่ 3 ร่วมรับฟังการยกร่างด้วย
หลังจากยกร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยางดังกล่าวกันอย่างเร่งรีบเสร็จสิ้นแล้ว ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น. จำเลยที่ 5 แจ้งให้จำเลยที่ 1 ทราบว่า จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ขายถุงมือยางจัดส่งหนังสือเสนอราคา ซึ่งระบุปริมาณ ราคา และเงื่อนไขในการชาระเงินค่าถุงมือยางมายังองค์การคลังสินค้าว่า ต้องวางเงินมัดจำ 2,000 ล้านบาท
แต่ขณะนี้เงินทุนหมุนเวียนขององค์การคลังสินค้ามีไม่เพียงพอ เมื่อจำเลยที่ 1 ทราบเรื่องแล้ว ก็รู้สึกกังวลใจเพราะยอดเงินดังกล่าวเป็นจำนวนเงินสูงมาก ประกอบกับในขณะนั้นเงินทุนหมุนเวียนขององค์การคลังสินค้ามีไม่เพียงพอ ด้วยเหตุนี้จำเลยที่ 1 จึงนำจำเลยที่ 5 ไปพบจำเลยที่ 4 พร้อมนำหนังสือเสนอราคาของจำเลยที่ 2 ไปให้จำเลยที่ 4 ดูด้วย
โดยจำเลยที่ 1 แจ้งให้จำเลยที่ 4 ทราบว่า ขณะนี้เงินหมุนเวียนในการซื้อสินค้าขององค์การคลังสินค้า มีไม่เพียงพอ ถ้าจะใช้เงินจากบัญชีเงินฝากประจำมาสำรองหมุนเวียนในการจัดซื้อถุงมือยางมาขาย ก็ต้องรอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนเสียก่อน
ซึ่งเดิมมีกำหนดประชุมในวันพุธที่ 9 ก.ย.2563 อันเป็นช่วงเวลาที่จำเลยที่ 1 พ้นจากตำแหน่งรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เนื่องจากวันอังคารที่ 1 ก.ย.2563 เป็นวันที่จะมีการเสนอชื่อ นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า
จำเลยที่ 4 จึงสั่งการให้จำเลยที่ 1 ไปดำเนินการอย่างไร เพื่อให้โครงการนี้สำเร็จ ก่อนจำเลยที่ 1 จะพ้นจากตำแหน่งรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า หากสิ้นเดือน ส.ค.2563 ไม่มีการลงนาม แล้วทำให้โครงการล้มเหลว จะถือว่าจำเลยที่ 1 ไม่สนองนโยบายของรัฐมนตรี และขัดคำสั่งของจำเลยที่ 4 จากนั้นจำเลยที่ 4 ย้ำว่า จำเลยที่ 4 จัดเตรียมทั้งคนซื้อและคนขายมาให้ครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ไม่ควรจะทิ้งโครงการอันดีนี้
ในช่วงนี้จำเลยที่ 5 แจ้งให้จำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 ทราบว่าเงิน 3,100 ล้าน ที่ฝากประจำดังกล่าว เป็นเงินที่ต้องเตรียมไว้สำหรับจ่ายค่าปรับปรุงข้าวถุงประมาณ 1,700 ล้าน และขณะนี้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินรับรองงบปี 2562 ขององค์การคลังสินค้าแล้ว ซึ่งในปี 2557 และ 2558 องค์การคลังสินค้า มีผลกำไรในช่วง 2 ปีนั้น
หากได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจให้จ่ายเงินโบนัส องค์การคลังสินค้าต้องส่งเงินให้แก่กระทรวงการคลัง และจ่ายโบนัสให้พนักงานอีกประมาณ 700 ล้าน รวมทั้งสิ้น 2,400 ล้านบาท ซึ่งถ้านำเงินดังกล่าวมาชำระค่าถุงมือยางล่วงหน้า จะทำให้มีเงินเหลือไม่เพียงพออย่างแน่นอน
จำเลยที่ 4 ถามว่า แล้วเงินนี้จะต้องจ่ายเมื่อใด จำเลยที่ 5 ตอบว่า ยังไม่มีกำหนดแน่นอน จำเลยที่ 4 พูดว่า “ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าคุณทั้งสองคน (จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5) ไม่เข้าใจธุรกิจ หลักการทำธุรกิจนั้น โดยทั่วไปแล้ว หลังจากที่เราเซ็นสัญญากับบริษัทที่ขายให้เรา ในฐานะเราเป็นผู้ซื้อแล้ว
เราจะต้องไปเซ็นสัญญากับบริษัทที่ซื้อสินค้าจากเรา ในฐานะที่เราเป็นผู้ขาย โดยในการเซ็นสัญญานี้ เราสามารถเรียกหลักประกันเป็น L/C หรือเงินสดจากผู้ซื้อมายึดถือไว้ก่อน หากถึงกำหนดที่เราต้องชำระเงินดังกล่าวแล้ว เงินในบัญชีไม่เพียงพอ เราก็สามารถนำ L/C ไปเรียกเก็บเงิน โดยเสียค่าธรรมเนียม
และตอนนี้คุณสองคนก็เห็นแล้วใช่ไหมว่า มีคาสั่งซื้อมาแล้ว เดือนหน้า หลังจากมีการกาหนดวันส่งมอบถุงมือยางที่ชัดเจนแล้ว ทุกบริษัทก็พร้อมจะวาง L/C ให้องค์การคลังสินค้า โดยเฉพาะบริษัทของคุณณัฏฐ์ บรรทัดฐาน พร้อมจะวางหลักประกันเป็นเงินสด 1,000 ล้านบาท ตอนนี้ก็เห็นแล้วว่า มีคนมาแย่งซื้อถุงมือยางจากเรามากแค่ไหน แบบนี้คิดว่าจะมีปัญหาหรือไม่”
เมื่อจำเลยที่ 4 พูดจบ จำเลยที่ 1 ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจ จึงบอกจำเลยที่ 4 ว่าจำเลยที่ 1 ยังไม่รับปากว่า จะทำหรือไม่ เพราะต้องสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนเสียก่อน หากทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1 ก็ยินดีสนองนโยบาย เพราะถือว่าจะเกิดผลดีต่อองค์การคลังสินค้า
แต่ถ้าหากทำไม่ได้ จะกลับมารายงานให้ทราบต่อไป (ทั้งนี้ เนื่องจากสัญญาซื้อขายถุงมือยางระหว่างองค์การคลังสินค้า กับบริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด GALORE MANAGEMENT, LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ลงวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 รวมทั้งกับบริษัท 24 คลีนเอเนอร์จี้ จำกัด และบริษัท ควีน พาวเวอร์ จำกัด ลงวันอังคารที่ 1 ก.ย.2563
ตลอดจนกับบริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จำกัด และบริษัท เอ แอเมทิสต์ จากัด ลงวันพุธที่ 9 ก.ย.2563 ล้วนไม่มีข้อกำหนดเงื่อนไขให้ทั้ง 7 บริษัทนี้ ต้องชำระเงินล่วงหน้า เป็นค่าสิ่งของดังเช่นที่องค์การคลังสินค้าต้องชำระให้แก่จำเลยที่ 2 ภายใน 3 วันนับถัดจากวันลงนามในสัญญา คือ วันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 แต่อย่างใด)
โดยพฤติการณ์ความรีบร้อนเร่งด่วนดังกล่าว ประจักษ์ได้จากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในสัญญาซื้อขายถุงมือยางเลขที่ อคส.ถม. 357/2563 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 ข้อ 10 (การขอขยายเวลาส่งมอบ) ที่มีข้อความทั้งถุงมือยางไนไตรและถุงมือยางลาเท็กซ์ ทั้งที่สัญญาซื้อขายถุงมือยางฉบับนี้
เป็นเรื่องสัญญาซื้อขายถุงมือยางไนไตรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังที่ได้กล่าวถึงพฤติการณ์และการกระทำของจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามลาดับเวลามาอย่างละเอียดข้างต้น
ต่อมาภายหลังเกิดเหตุ คณะกรรมการ ป.ป.ช. คงติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาได้จากการอายัดรวม 5 รายการ คือ
1.เงินฝากของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ในบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) รวมเป็นเงิน 315,946,014.79 บาท พร้อมดอกเบี้ย
2.เงินของจำเลยที่ 2 ที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครปฐม 14,697,500 บาท
3.เงิน 200,000,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 นำไปวางเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญากับองค์การคลังสินค้าซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคาสั่งอายัดไว้
4.เงิน 20,000,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 จ่ายให้แก่บริษัท เมดิน่า แอนด์ ซัพพลาย จากัด ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคาสั่งอายัดไว้ และ
5.ที่ดินของจำเลยที่ 2 ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 35809 เลขที่ดิน 8 หน้าสำรวจ 1815 ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 33 ไร่ 2 งาน 30 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง
เมื่อหักลบกลบกันแล้วพบว่า จำนวนเงินขององค์การคลังสินค้ายังคงหายไปกว่า 1,000 ล้านบาท อันยังมิอาจติดตามนำมาคืนได้ โดยจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 ถึงจำเลยที่ 6 และจำเลยที่ 15 เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ อันทำให้เกิดความเสียหายแก่องค์การคลังสินค้าดังที่กล่าวมาในตอนต้น
ส่วนจำเลยที่เหลือนอกจากนั้น ก็มีบทบาทเกี่ยวข้องกับความเสียหายดังกล่าวขององค์การคลังสินค้าเช่นกันลดหลั่นมากน้อยไปตามความเสียหาย และ/หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิดของจำเลยผู้เกี่ยวข้อง
ซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องมีความรับผิดและ/หรือโทษในทางอาญาหนักเบามากน้อยเพียงใดและ/หรือแม้แต่การรอลงโทษหรือไม่ ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งหรือขั้นตอนต่อไปซึ่งต้องพิจารณาตามสัดส่วนแห่งความผิด (The principle of proportionality in criminal law)
ทว่าศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในคดีนี้ หาควรพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทุกคน คือ จำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อเป็นความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเกิดจากพฤติการณ์กระทำที่ไม่สุจริต อันถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ ด้วยกฎหมายตามเจตนารมณ์แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559
ในการจัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมในคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมดดังประมวลมา ข้าพเจ้าจึงมิอาจเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ยกฟ้องคดีนี้
เหล่านี้เป็น ‘บทสรุป’ ความเห็นแย้งในคดี ‘ถุงมือยาง’ ของ ‘อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1’ และต้องติดตามกันต่อไปว่า ในท้ายที่สุดแล้วคดีนี้ จะมีบทสรุปอย่างไร?
อ่านประกอบ :
- ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(3) จ่ายมัดจำ'การ์เดียนโกลฟส์'2 พันล.-ได้ของแค่ 2.8 หมื่นกล่อง
- ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(2) พฤติการณ์‘รีบด่วนผิดปกติ’-อ้างนโยบาย‘รัฐมนตรี’เร่งทำสัญญา
- ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(1) ‘อคส.’ส่ง‘รักษาการผอ.’ดีล‘การ์เดียนโกลฟส์’วางมัดจำ 2 พันล.
- ฉบับเต็ม! ยกฟ้องคดี‘ถุงมือยาง’ ไม่ปรากฏใช้‘ดุลพินิจ’ทำเสียหาย-มัดจำ 2 พันล.ไม่เสียเปรียบ
- ฉบับเต็ม! อธิบดีผู้พิพากษาเห็นแย้งยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยาง 2 พันล.
- ยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยางอคส. 2 พันล.-อธิบดีผู้พิพากษา เห็นแย้ง
- เพิ่งจัดตั้ง 2 ด.เศษ! เปิดตัว บ.คู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล.-พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยันทำถูกต้อง
- โชว์ครบ 4 หน้า! สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล้าน-ข้อสังเกตหลักประกัน 200 ล.-ลูกค้าปริศนา?
- แกะรอยเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียนโกลฟส์ งวดแรก อยู่ที่ไหน?
- โพรไฟล์ชีวิต ‘พ.ต.อ.รุ่งโรจน์’ ผู้ลงนามสัญญาซื้อขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- แฉเหตุ 'รุ่งโรจน์' กล้าทำสัญญาขายถุงมือยางแสนล.! มีบอร์ดอคส.-นักการเมือง ปชป.ดีลลูกค้าให้
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เบื้องลึก บ.ขายถุงมือยาง อคส.แสนล.-1 ในผู้บริหารเคยโดนแจ้งความคดีฉ้อโกง?
- พบเป็นโกดังเก็บสินค้าย่านนครปฐม! เผยโฉม บ.การ์เดียนโกลฟส์ฯ คู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล.
- เปิดตัว คุณเอ็ม 'ธณรัสย์ หัดศรี' เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- ภาพชุด 2! เปิดตัว 'คุณเอ็ม' เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ': เปิด 7 เอกชน จองซื้อถุงมือยาง อคส.แสนล.-บ.K สั่งล็อตใหญ่ 500 ล้านกล่อง
- MR.Abdullah Pathan ตัวแทนลอว์เฟิร์มในสหรัฐฯ สั่งซื้อถุงมือยางแสนล.มีตัวตนจริงหรือไม่?
- บ้าน 2 ชั้นย่านอุดมสุข! เปิดตัวบ.เคเค.ออยล์ ลูกค้ารายที่ 2 สั่งซื้อถุงมือยาง 1.1 หมื่นล.
- คนชื่อแอร์แนะนำ! ผู้บริหารบ.เคเคออยล์ฯ แจงทำสัญญาซื้อถุงมือยาง 1.1หมื่นล.-มีลูกค้าจริง
- รุ่นพี่ชื่อ'จ๋า'แนะนำ! เปิดตัวบ.ถนอมผลไม้ ลูกค้าอคส.รายที่ 3 ซื้อถุงมือยาง 1.1 หมื่นล.
- รายที่4! เปิดตัว Galore ลูกค้า อคส. ซื้อถุงมือยาง2.2หมื่นล.-อยู่ฟลอริดา โชว์รายได้ 2 ล.
- เจอแล้ว! บ.รายที่ 5 ซื้อถุงมือยาง2.1 หมื่นล.-แจ้งงบฯขาดทุน1.2 หมื่น-ยันมีลูกค้าตปท.จริง
- ตามไปดู บ.รายที่ 6 ซื้อถุงมือยาง อคส.2.5 พันล. พบเป็นที่ตั้งลอว์เฟิร์มย่านรัชดา
- ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง! ตัวแทน บ.ควีนฯ แจงเหตุสั่งซื้อถุงมือยาง 2.5 พันล.-คนใน.อคส.ชักชวน
- เปิดตัว บ.รายที่ 7 ซื้อถุงมือยาง 2.5 พันล.-โอดเดือดร้อน ส่งของ รบ.ท้องถิ่นแคนาดาไม่ทัน
- ล็อกเป้า 3 บ.จุดเริ่มต้นคดีถุงมือยางแสนล.! อคส.รอ DSI สอบปากคำจบตามเงินคืน 1.8 พันล.
- โชว์ใบฝากเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียนฯ-เข้าบช.กสิกรไทย บิ๊กซีนครปฐม
- เปิดเส้นทางเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียน- ณ 15 ก.ย. เหลือยอดแค่ 858 ล.
- เผยโฉมบัญชี บ.การ์เดียนฯ รับเงิน อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง 2 พันล.-ก่อน ป.ป.ช.สั่งอายัด
- แฉบ.การ์เดียนฯ ชิงถอนเงินเกือบหมด! หลังสื่อตีข่าว ป.ป.ช. สั่งอายัดบัญชีถุงมือยาง 2 พันล.
- ไม่เคยให้เงินใต้โต๊ะกับใคร! เปิดคำชี้แจง เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ ปมขายถุงมือยางแสนล้าน
- ต้องเอาเงินคืน!'จุรินทร์'ตอบปม อคส.ซื้อถุงมือยางแสนล้าน-ป.ป.ช.ระงับบัญชีแล้วบางส่วน
- เบื้องลึก 'จุรินทร์' สั่งตามเงินคืน 2 พันล.! อคส.คุ้ยหลักฐานตปท.พิสูจน์MOUซื้อถุงมือยางแสนล.
- ขมวดปม (1) ข้อสังเกตสร้างนิติกรรมสัญญา? เปิดโอกาสจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
- โชว์ครบ 3 หน้า แปลไทยแล้ว! สัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล. 'อคส.-ลอว์เฟิร์มสหรัฐฯ'
- ผู้บริหารโดนคดีฉ้อโกงค่าอาหารที่พัก! ขมวดปม (2) ข้อมูลลับ 'การ์เดียนโกลฟส์'ในมือ อคส.
- ขมวดปม (3) ข้อสังเกตสัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล. 'อคส.-การ์เดียนโกลฟส์' เอื้อปย.เอกชน
- เปิดที่มาเงิน 2 พันล. อคส. จ่ายค่าถุงมือยาง 'ถอนจากบัญชีฝากประจำ' ไม่ขออนุญาตก.คลัง?
- เปิดคำให้การ! เบื้องหลังมติถอนเงินบัญชีฝากประจำจ่ายถุงมือยาง 2 พันล.-ไม่ผ่านบอร์ด อคส.?
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' : 9 เงื่อนปม ป.ป.ช.ลุยสอบ อคส. ทำสัญญาจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
- สภาระอุ! หลักฐาน-คำชี้แจง'ประเสริฐ-จุรินทร์' ปมจัดซื้อถุงมือยาง
- รอ ป.ป.ช.ชี้ขาดดีกว่า! 'รุ่งโรจน์' เมิน อคส.ชงผลสอบถุงมือยางแสนล.ให้ 'จุรินทร์'
- ยังเปิดกิจการอยู่! โชว์ภาพล่าสุด บ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส. แสนล.
- ให้ปากคำ ป.ป.ช.แล้ว! ความเคลื่อนไหวล่าสุด บ.การ์เดียนฯ ขายถุงมือยางแสนล.
- แฟ้มลับคดีถุงมือยางแสนล.(1) เปิดคำให้การ บ.การ์เดียนฯ จนท. 'ก.' มาดีลงานถึงที่
- โวย อคส.ชวนมาซื้อแต่โดนคดีทุจริต! อนุฯ ป.ป.ช.แจ้งข้อหา จนท.รัฐ-เอกชนปมถุงมือยางแสนล.
- ลับสุดยอด! ภาพชุด จนท.อคส. เปิดคลังรับสินค้า บ.การ์เดียนฯ จุดเริ่มต้นคดีถุงมือยางแสนล.
- รีวิวครั้งแรก! เผยโฉมถุงมือยางแสนล้าน อคส.ทำสัญญาซื้อ บ.การ์เดียนฯ - ใครผลิต?
- เบื้องหลัง! ภาพชุดเปิดคลังรับสินค้าถุงมือยางแสนล.- บิ๊ก อคส. สั่งจัดฉากโชว์ของตัวอย่าง?
- คู่สัญญาถุงมือยางแสนล. 'อคส.' เปลี่ยนชื่อใหม่ - ออกสื่อPR.ข่าวแผนธุรกิจงานหมื่นตำแหน่ง
- อคส. หัก บ.การ์เดียนฯ สั่งคืนถุงมือยางแสนล.! ‘อิศรา’ บุกคลังสินค้าขอดูของ จนท.ไม่ให้
- ขอริบเงิน 2,000 ล.! บ.การ์เดียนฯ โต้กลับ อคส. ชิงบอกเลิกสัญญาถุงมือยางแสนล้าน
- หลักฐานใหม่ 'ศรีตรัง-ซันไทย' ไม่รู้เรื่องถูกใช้เอกสารแนบทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล.
- เจาะผลสอบถุงมือยางแสนล.(1) เริ่มต้นห้อง บิ๊ก อคส.-นาย อ.จัดให้คำสั่งซื้อลอว์เฟิร์มสหรัฐ
- เจาะผลสอบถุงมือยางแสนล.(2) บทบาทผู้บริหาร อคส.ปริศนา สั่งหาช่องทำสัญญา-จ่ายเงินสองพันล.
- ถ้าบอกทุจริตจะสู้หัวชนฝา! ป.ป.ช. เรียก รุ่งโรจน์ แจ้งข้อกล่าวหาถุงมือยางแสนล. 28 พ.ค.
- เผยหนังสือลับคดีถุงมือยางแสนล.! อนุฯ ไต่สวน ป.ป.ช. แจ้งขอหลักฐานแต่งตั้ง ปธ.บอร์ด อคส.
- กลับไปใช้ชื่อเก่า! บ.การ์เดียนฯ ถุงมือแสนล. อคส.แจ้งเปลี่ยนรอบ2-ยังไม่โชว์งบการเงิน
- พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยื่นหนังสือลาออกแต่โดนเบรก - ขอแสดงความรับผิดชอบถุงมือยางแสนล.!
- กางระเบียบ อคส.! ทางเดียว 'รุ่งโรจน์' ลาออกได้ ต้องเป็น 'ผู้บริสุทธิ์' คดีถุงมือยางแสนล.
- ขีดเส้น 'รุ่งโรจน์' ให้ปากคำสอบวินัยร้ายแรงถุงมือยาง-ถ้าโดนไล่ออกเจอฟ้องคืนเงินด.หลักล้าน!
- ระทึก! บอร์ด อคส. ทั้งคณะ จ่อโดนสอบความรับผิดทางละเมิดคดีถุงมือยางแสนล้าน
- สรุปผลสอบคดีละเมิดถุงมือยาง โดนชี้ 7 ราย 'สุชาติ-รุ่งโรจน์-เกียรติขจร-มูรธาธร-จนท.อีก 3'
- พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ : The Last Dance ท่าที-แนวทางต่อสู้ คดีถุงมือยางแสนล.
- 'จุรินทร์'เผยผลสอบ กก.ลงโทษทางวินัยร้ายแรงไล่ออกราชการ 3 คนเอี่ยวคดีถุงมือยาง
- เป็นทางการ! บอร์ด อคส. ลงมติไล่ออก 'รุ่งโรจน์-เกียรติขจร -มูรธาธร' คดีถุงมือยางแสนล.
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เปิดสำนวน คกก.วินัยร้ายแรง มติเอกฉันท์ไล่ออก 'รุ่งโรจน์-พวก' คดีถุงมือยาง
- โชว์คำสั่งไล่ออก จนท.อคส.คดีถุงมือยางแสนล.-กรณี 'รุ่งโรจน์' แจ้งปลัดสำนักนายกฯ แล้ว
- ไต่สวนคดีถุงมือยาง อคส. แสน ล.เสร็จแล้ว! เตรียมส่ง กก.ป.ป.ช.ชี้ขาด
- มีชื่อบิ๊กในบอร์ด อคส.ด้วย! ป.ป.ช.ขีดเส้นสรุปสำนวนไต่สวนคดีถุงมือยางแสนล.ก่อนสิ้นปีนี้
- รัฐมนตรีไม่โดน! ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน อคส.-มีผู้ถูกกล่าวหา 21 คน
- โดนจริง 22 คน! เจาะมติป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยางอคส.-'มูรธาธร' มือจ่ายเช็ค2พันล.รอดอาญา
- ได้มาแล้ว! เปิดครบ 22 ชื่อผู้ถูกกล่าวหา คดีถุงมือยาง 'รุ่งโรจน์-สุชาติ-ธณรัสย์' โดนหมด
- ยังไม่เลิกกิจการ! ข้อมูลล่าสุด บ.ถนอมผลไม้ถูกชี้มูลคดีถุงมือยาง เจ้าของออเดอร์1.1หมื่นล.
- พร้อมสู้! 'รุ่งโรจน์-ธณรัสย์' แจงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยาง ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม
- ข้อมูลใหม่! มติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยาง อคส. ขอให้ริบทรัพย์เงิน 550 ล.-ที่ดิน 33 ไร่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา