
“…แม้ว่าเงินประกันสัญญาที่จำเลยที่ 2 โอนเข้าบัญชีองค์การคลังสินค้ามีจำนวนที่น้อยกว่าเงินมัดจำอยู่มาก ทั้งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ถึงร้อยละ 5 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด อันขัดกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 168 แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ ไม่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560…”
........................................
จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 (ศาลชั้นต้น) มีคำพิพากษายกฟ้องคดีกล่าวหา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก รวม 21 คน กรณี อคส. จัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ล่าสุดอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ยังอยู่ระหว่างการจัดทำคำอุทธรณ์ เพื่อยื่นต่อศาลฯ นั้น (อ่านประกอบ : ยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยางอคส. 2 พันล.-อธิบดีผู้พิพากษา เห็นแย้ง)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอนำเสนอคำพิพากษาของศาลฯในคดีนี้ (คดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 คดีหมายเลขดำที่ อท 44/2568) มีรายละเอียด ดังนี้
@พบโครงการซื้อขาย‘ถุงมือยาง’ดำเนินการไม่ถูกต้อง
คดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 คดีหมายเลขดำที่ อท 44/2568
โจทก์
อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1
จำเลย
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ จำเลยที่ 1
บริษัท การ์เดียนโกลฟ์ จำกัด จำเลยที่ 2
นายธณรัสย์ หัดศรี จำเลยที่ 3
นายสุชาติ เตชจักรเสมา จำเลยที่ 4
นายเกียรติขจร แซ่ไต่ จำเลยที่ 5
นายศรายุทธ สายคำมี จำเลยที่ 6
นางสาวปิยาภรณ์ รอดเจริญ ที่ 7
นางสาวพิชญศรส์ เศวตศุภวัฒณ์ จำเลยที่ 8
นางสาวกันตา สิงห์ศักติ จำเลยที่ 9
นายอัยวัฏฐ์ เศวตนริทร์ จำเลยที่ 10
นางสาวสุภาวดี เอกรัตนากุล หรือ จักรบดินร์ จำเลยที่ 11
นายชิเนนทรธรณ์ หรือชเนนทร เลิศพิพัฒน์ จำเลยที่ 12
นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์ จำเลยที่ 13
นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล จำเลยที่ 14
นายอับดุลลา ปาทาน จำเลยที่ 15
นายราชาทีปซิงห์ ยอน จำเลยที่ 16
นางฉันทิศา หวง จำเลยที่ 17
บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด จำเลยที่ 18
ร้อยตำรวจเอก นพฤทธิ์หรือณรภัทร สุขแจ่ม จำเลยที่ 19
นางนรากร รมศรี จำเลยที่ 20
นางปณาลี บุรณศิริ จำเลยที่ 21
เรื่อง พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 ,พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561
พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยทั้งยี่สิบเอ็ดแล้ว
ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2563 จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ลงนามในเอกสารร่วมกับจำเลยที่ 17 (นางฉันทิศา หวง) ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 18 (บริษัท ไทยสไมล์ เทรด จำกัด)
จำเลยที่ 16 (นายราชาธีปซิงห์ ยอน) ซึ่งเป็นตัวแทนของ GALORE MANAGEMENT, LLC และจำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) ซึ่งเป็นตัวแทนของ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ตามเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 ตามลำดับ
ต่อมาวันที่ 28 ส.ค.2560 จำเลยที่ 1 นำเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน เพื่อให้คณะกรรมการอนุมัติเบิกเงินลงทุน 2,000,000,000 บาท (2 พันล้านบาท) เพื่อนำไปทำสัญญาซื้อถุงมือยางไร้แป้งจากจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟ์ จำกัด)
โดยในวันที่ 30 ส.ค.2563 จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) ลงนามในสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.64 ร่วมกับจำเลยที่ 3 (นายธณรัสย์) ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 2 และโอนเงินจำนวน 2,000,000 บาท เข้าบัญชีเงินฝากจำเลยที่ 2 แล้ว
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 21 กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่
โจทก์ มีนายกฤษณรักษ์ ใจดี เป็นพยานเบิกความว่า พยานเป็นกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 จำเลยที่ 1 เสนอให้คณะกรรมการอนุมัติให้เบิกเงิน จำนวน 2,000,000,000 บาท ซึ่งคณะกรรมการได้ลงมติอนุมัติให้เบิกเงินจำนวนดังกล่าวได้
เนื่องจากเห็นว่า หากโครงการซื้อขายถุงมือยางตามเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 ดำเนินการได้สำเร็จ องค์การคลังสินค้าจะได้กำไรประมาณ 30,000,000,000 บาท โดยผลกำไรดังกล่าว หากส่งงบประมาณให้สำนักการตรวจเงินแผ่นดินรับรองแล้ว เมื่อนำมาหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินส่วนหนึ่งจะนำไปจ่ายเป็นโบนัสให้พนักงาน และอีกส่วนหนึ่งจะต้องส่งเข้าคลังตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
แต่ตัวพยานเอง แม้จะออกเสียงลงมติอนุมัติ แต่ได้โต้แย้งไว้ว่า เงินที่จะเบิกออกมานั้น มีบางส่วนที่เป็นกำไรที่ยังไม่ได้จัดสรร ต้องส่งไปให้กระทรวงการคลังอนุมัติก่อน
โดยในส่วนนี้ นายมูรธาธร คำบุศย์ เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า พยานเข้าร่วมประชุมในวันดังกล่าวด้วยทั้งในฐานะกรรมการและเลขานุการ โดยในการประชุมนายกฤษณรักษ์ ไม่ได้โต้แย้งวาระที่จำเลยที่ 1 เสนอ
แต่ต่อมานายกฤษณรักษ์แจ้งให้พยานทราบผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ส่วนตัวว่า ต้องการให้บันทึกว่า นายกฤษณรักษ์ มีเห็นแย้งในเรื่องดังกล่าว ตามเอกสารหมาย จ.166 ตามที่นายกฤษณรักษ์เบิกความไปข้างต้น ซึ่งจำเลยที่ 1 ก็ได้ทำการชี้แจงเหตุผลไว้ตาม รายงานการประชุมเอกสารหมาย จ.61 ปรากฏเลขหน้า 03006 ย่อหน้าที่ 2 และย่อหน้าที่ 3 แต่พยาน ก็เบิกความด้วยว่าพยานเป็นผู้เพิ่มเติมข้อความ โดยที่ไม่มีการแถลงในที่ประชุมในวันที่มีการประชุม
โดยนายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต เป็นพยานโจทก์เบิกความว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2563 พยานเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการองค์การสินค้า ซึ่งเป็นภายหลังเกิดเหตุ พยานจำต้องตรวจรับงานจากผู้อำนวยการคนเดิม ซึ่งพยานพบว่า มีการเบิกเงินลงทุนไปใช้ 2,000,000,000 บาท
จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่า โครงการซื้อขายถุงมือยางไร้แป้งดำเนินการไม่ถูกต้องหลายประการ ได้แก่ ไม่มีการเสนอแผนธุรกิจให้คณะกรรมการองค์การคลังสินค้าพิจารณาก่อน และโครงการดังกล่าวมีมูลค่าเกิน 25,000,000 บาท แต่ไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจ แบบของสัญญาที่ใช้ไม่ถูกต้อง และมิได้ส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาก่อน
โดยว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ เตชพิพิธมงคล พยานโจทก์เบิกความว่า พยานได้รับคำสั่งให้ทำการตรวจสอบโครงการดังกล่าวในฐานะผู้อำนวยการสำนักนิติการองค์การ พยานพบว่า ไม่มีการประกาศโครงการหน้าเว็บไซต์ ตามระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2561
สัญญาที่นำมาใช้โดยไม่ได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจร่างก่อน ก็เป็นสัญญาที่มีลักษณะทำให้องค์การคลังสินค้าเสียเปรียบ แต่การเบิกเงินลงทุนนั้นเป็นการดำเนินการโดยถูกต้องแล้ว
@ยก‘พจนานุกรม’ชี้ซื้อขาย‘ถุงมือยาง’ไม่อยู่ใต้‘พ.ร.บ.จัดซื้อฯ’
เห็นว่า ก่อนจะวินิจฉัยพยานหลักฐานตามที่ได้มีการสืบพยานนั้น สมควรวางหลักเรื่องการรับฟังพยานเอกสารที่เป็นภาษาต่างประเทศเสียก่อน เนื่องจากคดีนี้ มีพยานเอกสารภาษาอังกฤษที่ไม่ได้แปลเป็นภาษาไทยที่คู่ความนำสืบเข้าสู่สำนวนจำนวนมาก หรือพยานเอกสารบางฉบับมีการแปลเป็นภาษาไทย แต่ไม่มีโนตารีพลับบลิกรับรอง ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการวินิจฉัยเนื้อหาแห่งคดีต่อไป
ในคดีนี้ ศาลมิได้มีคำสั่งให้คู่ความแปลพยานเอกสารภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย ทั้งไม่มีคู่ความคนใดโต้แย้งพยานเอกสารภาษาอังกฤษที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบเข้าสู่สำนวน ศาลจึงรับฟังพยานเอกสารภาษาอังกฤษได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 46 วรรคสาม ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง
โดยเมื่อพิจารณาจาก พ.ร.ฎ.จัดตั้งการคลังสินค้า พ.ศ.2498 ตามเอกสารหมาย จ.133 มาตรา 6 และมาตรา 7 (2) การค้าสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ขององค์การคลังสินค้า โดยคำว่า "สินค้าอุปโภคบริโภค” นั้น ไม่ปรากฏว่า พ.ร.ฎ.ฉบับดังกล่าวให้คำนิยามไว้
กรณีจึงต้องแปลความหมายตามพจนานุกรม ทั้งฉบับของราชบัณฑิตยราชสถาน และตามพจนานุกรมฉบับที่วิญญูชนทั่วเข้าใจได้
โดยราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า “อุปโภค” ในการใช้เป็นคำกิริยาว่า “เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์” และพจนานุกรมของอาจารย์เปลื้อง ณ นคร ก็ให้ความหมายของคำว่า “อุปโภค” ในการใช้เป็นคำกิริยาเช่นเดียวกันกับราชบัณฑิตยสถาน
ส่วนคำว่า “บริโภค” ราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายในการใช้เป็นคำกิริยาว่า “กิน” (ใช้เฉพาะอาการที่ทำให้ล่วงลำคอลงไปสู่กระเพาะ) และพจนานุกรมของอาจารย์เปลื้อง ณ นคร ก็ให้ความหมายของคำว่า “บริโภค” ในการใช้เป็นคำกิริยาเช่นเดียวกันกับราชบัณฑิตยสถาน
โดยคำว่า “สินค้า” ราชบัณฑิตยสถานและพจนานุกรมของอาจารย์เปลื้อง ณ นคร ก็ให้ความหมายในการใช้เป็นคำนามว่า “สิ่งของที่ซื้อขายกัน” เช่นเดียวกัน
ดังนี้ เมื่อถุงมือยางมิใช่สิ่งที่บุคคลทั่วไปใช้บริโภค แต่เป็นของใช้ที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในความหมายทั่วไป คือ ใช้สวมห่อหุ้มมือ ถุงมือยาง จึงเป็นเครื่องอุปโภคอย่างหนึ่ง และเมื่อนำคำว่า “สินค้า” มาสมาสกับคำว่า “อุปโภค” เป็นคำว่า “สินค้าอุปโภค” ถุงมือยาง จึงเป็นของที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้และเป็นสิ่งของที่ซื้อขายกัน
การซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ จึงไม่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ตามมาตรา 7 (1) และบัญชีเอกสารแนบท้ายประกาศคณะกรรมการนโยบายการจัดชื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ลงวันที่ 6 ธ.ค.2560 ข้อ 5.3.1 (2)
@ไม่จำกัด‘ผอ.’ค้าเกิน 50 ล.เหตุข้อบังคับฯไม่ประกาศ‘ราชกิจจาฯ’
โครงการการซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ จึงเป็นการดำเนินการทำการค้าตามวัตถุประสงค์ขององค์การคลังสินค้า และตามมาตรา 17(1) และ(2) แห่ง พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 ให้อำนาจคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าดำเนินกิจการตาม มาตรา 6 และ มาตรา 7 ได้ ซึ่งรวมถึงวางข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานขององค์การคลังสินค้าได้
นาวาอากาศตรีปุณมี ปุณศรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า จึงออกข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526 ลงวันที่ 28 ก.พ.2526 จำกัดอำนาจของผู้อำนวยการคลังสินค้าไว้ใน ข้อ 3 และข้อ 4 ตามเอกสารหมาย จ.135
โดยกำหนดไว้ว่า หากผู้อำนวยการคลังสินค้าจะดำเนินการค้าสินค้า ที่มีวงเงินเกิน 50,000,000 บาท ผู้อำนวยการต้องขออนุมัติต่อคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า
แต่ข้อบังคับข้อ 3 และข้อ 4 ดังกล่าว เป็นข้อบังคับที่เป็นการจำกัดอำนาจของผู้อำนวยการ ที่รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ มิได้ประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษา ตาม พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 มาตรา 17 วรรคท้าย
เมื่อพิจารณาจากลำดับชั้นของกฎหมายแล้ว ข้อบังคับที่จำกัดอำนาจของผู้อำนวยการ จึงไม่อาจใช้บังคับได้ เพราะ พ.ร.ฎ.มีสถานะเป็นกฎหมาย ซึ่งมีลำดับที่สูงกว่าข้อบังคับ ตามเอกสารหมาย จ.135
การดำเนินการของจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) ในฐานะรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าเกี่ยวกับการซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ ที่มีมูลค่าเกินกว่า 50,000,000 บาท จึงไม่ถูกจำกัดด้วยข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526 ข้อ 4
@หนังสือเสนอซื้อ‘ถุงมือ’ไม่ใช่‘สัญญา’ ไม่ต้องส่ง‘อสส.’ตรวจ
โดยในส่วนของเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 ตามลำดับ เป็นการที่จำเลยที่ 17 และที่ 18, GALORE MANAGEMENT LLC และจำเลยที่ 16, KRENEK LAW OFFICES, PLLC และจำเลยที่ 15 เสนอจะซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า โดยมีจำเลยที่ 1 ลงนามในฐานะรักษาการแทนผู้อำนวยการคลังสินค้า
เมื่อพิจารณาถึงข้อความและเนื้อหาสาระสำคัญแล้ว จะเห็นว่า มิใช่สัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด หรือสัญญาจะซื้อจะขายถุงมือย่างแต่อย่างใด เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) ถุงมือยาง จึงเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และบุคคลทั่วไปทั่วโลก ถือว่าเป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาด
การที่องค์การคลังสินค้าจะทำการขายถุงมือยางโดยที่มิได้เป็นผู้ผลิต หากจะลงทุนเป็นผู้ผลิตเสียเอง ย่อมต้องใช้เงินลงทุนสูง และไม่สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีเท่ากับการซื้อมาขายต่อ หรือการสั่งผลิตมาขาย
แต่การจะดำเนินการดังกล่าวได้ ในฐานะผู้ขายจะต้องทราบกำลังซื้อของผู้ซื้อเสียก่อนว่า สามารถชื้อถุงมือยางได้ในราคาเท่าใดต่อหนึ่งกล่อง เพื่อเทียบกับราคาถุงมือยางในท้องตลาดในขณะเกิดเหตุ เมื่อทราบกำลังซื้อแล้ว จึงจะสามารถต่อรองราคาจากผู้ขายหรือผู้ผลิตได้
ฉะนั้น ราคาขอซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้าตามเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 เป็นราคาที่จำเลยที่ 17 และที่ 18, GALORE MANAGEMENT LLC และจำเลยที่ 16, KRENEK LAW OFFICES, PLLC และจำเลยที่ 15 เสนอจะซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ในวันที่ 25 ส.ค.2563
เพราะเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 จัดทำขึ้นก่อนที่องค์การคลังสินค้า จะตกลงราคากับจำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ.64 โดยยังไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟ์ จำกัด) จะขายถุงมือยางให้องค์การคลังสินค้าได้ในราคาเท่าใด
ดังนี้ เอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 จึงเป็นเพียงหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of intent) ขอซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้าของจำเลยที่ 17 และที่ 18 , GALORE MANAGEMENT LLC และจำเลยที่ 16, KRENEK LAW OFFICES, PLLC และจำเลยที่ 15 เท่านั้น
และเมื่อเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 มิใช่สัญญา จึงไม่จำต้องส่งร่างหนังสือแสดงเจตจำนงให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาก่อน ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ นร 0205/ว 138 ลงวันที่ 9 ก.ย.2535 เอกสารหมาย ล.1/1
@‘สนง.ทนายความ’ซื้อ‘ถุงมือยาง’ เป็นตัวแทนบริษัท‘อินเดีย’
ส่วนข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ไม่มีวัตถุประสงค์ในการขายถุงมือยางและไม่มีประสบการณ์ในการขายถุงมือยางมาก่อน นั้น
หากมีการทำสัญญาซื้อขายเพิ่มเติมภายหลัง องค์การคลังสินค้า ในฐานะผู้ขาย ไม่จำต้องรับผิดชอบ หากผู้ซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้าไปแล้วขายไม่ได้ แต่ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าถุงมือยางให้ครบถ้วนเท่านั้น
การจะคาดการณ์ว่า หากผู้ซื้อขายถุงมือยางไม่ได้ ก็จะไม่ชำระค่าถุงมือยางให้แก่องค์การคลังสินค้า จึงเป็นการคาดการณ์ที่คลาดเคลื่อนจากเจตจำนงที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.56 ถึง จ.58 ที่กำหนดไว้ว่า
ผู้เสนอราคาต้องชำระค่าสินค้าโดยวิธีการเปิด Letter of Credit (L/C) หรือตราสารเครดิตกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันการชำระเงินในการซื้อขายสินค้าโดยธนาคารจะชำระเงินในนามของผู้ซื้อ แล้วจึงมาเรียกเก็บเงินกับผู้ชื่อภายหลัง L/C จึงไม่เพียงช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าเท่านั้น
แต่ยังเป็นหลักประกันการชำระเงินที่ยืนยันให้ผู้ขายมั่นใจ ว่า จะได้เงินค่าสินค้าอย่างแน่นอน ซึ่ง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ผู้เสนอราคาสูงสุด มีสำนักงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดำเนินธุรกิจเป็นสำนักงานทนายความ มีสำนักงานอยู่ในมลรัฐเท็กซัส และเป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภาของมลรัฐเท็กซัสด้วย
ซึ่งตามสำนวนการใต่สวนของ ป.ป.ช. ที่ทำการตรวจสอบ ก็ปรากฎข้อมูลเช่นเดียวกันว่า KRENEK LAW OFFICES, PLLC ยังดำเนินกิจการปกติ และมีนาย Eddie M. Krenek เป็นเจ้าของกิจการ ตามเอกสารหมาย จ.93
และแม้จะไม่มีวัตถุประสงค์ในการซื้อขายสินค้า แต่ KRENEK LAW OFFICES, PLLC เป็นตัวแทนของ Sphinx Mining Private Limited ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่สาธารณรัฐอินเดีย และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC แต่งตั้งจำเลยที่ 15 เป็นตัวแทน โดยมีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ภาษาอังกฤษตอบโต้กัน ตามหมายตามเอกสารหมาย ล.119
จำเลยที่ 14 เบิกความว่าจำเลยที่ 14 เป็นนายหน้าคอยช่วยเหลือจำเลยที่ 15 ในการหาซื้อถุงมือยางให้ KRENEK LAW OFFICES, PLLC มาก่อนเกิดเหตุในคดีนี้แล้ว
นอกจากนี้ ยังมีจำเลยที่ 13 ที่คอยช่วยเหลือจำเลยที่ 15 ในฐานะนายหน้าด้วย การที่จำเลยที่ 15 เบิกความว่า ไม่รู้และไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ จึงมิใช่ข้อพิรุธที่จะทำให้การเสนอราคาของจำเลยที่ 15 ไม่น่าเชื่อถือแต่อย่างใด
ทั้งจำเลยที่ 15 ก็เบิกความด้วยว่า ในการติดต่อกับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC มีนายเมธา ชักเชต ที่นับถือศาสนาอิสลามเช่นเดียวกับจำเลยที่ 15 และรู้จักกันมานาน เป็นผู้ประสานงานให้ เนื่องจากนายเมธา เคยไประกอบอาชีพอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แสดงว่าจำเลยที่ 15 มีความเข้าใจในการกระทำและการแสดงเจตนาของตนที่ได้กระทำ และได้แสดงเจตนาไปในคดีนี้
โดยในวันที่ 25 ส.ค.2563 จำเลยที่ 3 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 2 ก็เดินทางไปที่องค์การคลังสินค้าด้วย จำเลยที่ 3 ย่อมต้องทราบราคาที่จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT LLC และ KRENEK LAW OFFICES, PLLC เสนอซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้าแล้ว
โดยจำเลยที่ 3 เบิกความว่า จำเลยที่ 3 มิได้เป็นผู้ผลิตถุงมือยาง จำเลยที่ 3 เป็นเพียงผู้ประกอบอาชีพขายถุงมือยางมาก่อนเกิดเหตุในคดีนี้ ตามเอกสารหมาย ล.2-3/19,21 เหตุที่จำเลยที่ 3 จดทะเบียนก่อตั้งบริษัท จำเลยที่ 2 เนื่องจากต้องการได้ประโยชน์ในเรื่องภาษีและต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในการติดต่องานกับหน่วยงานราชการ
ดังนี้ จำเลยที่ 3 ย่อมทราบว่าจะหาถุงมือยางมาได้จากแหล่งใด ให้ตรงตามที่จำเลยที่ 18, GALORE MANAGEMENT LLC และ KRENEK LAW OFFICE, PLLC ขอซื้อ จำเลยที่ 3 จึงสามารถกำหนดราคาได้ว่า จะขายถุงมือยางให้องค์การคลังสินค้าในราคาเท่าใด เพื่อให้องค์การคลังสินค้าได้กำไร รวมถึงจำเลยที่ 2 เองด้วย
โดย KRENEK LAW OFFICE, PLLC เสนอซื้อถุงมือยางทั้งสิ้น 500,000,000 กล่อง ในราคากล่องละ 230 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 115,000,000,0000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงที่สุดในบรรดาผู้ที่มาเสนอซื้อ และในเอกสารหมาย จ.58
@ชี้‘พ.ต.อ.รุ่งโรจน์’ไม่ฝ่าฝืน พ.ร.ฎ.จัดตั้ง‘อคส.’-ข้อบังคับฯปี 26
ต่อมาวันที่ 27 ส.ค.2563 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ได้นำหนังสือเสนอราคาของจำเลยที่ 2 ตามเอกสารหมาย จ.63 ไปเสนอให้ จำเลยที่ 4 ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการองค์การคลังสินค้าในขณะเกิดเหตุ แล้วจำเลยที่ 1 แจ้งให้จำเลยที่ 4 ทราบว่า ต้องจ่ายเงินให้จำเลยที่ 2 ล่วงหน้า 2,000,000,000 บาท แต่เงินหมุนเวียนมีไม่พอ จึงต้องประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนโดยเร่งด่วน เพื่อถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ
วันที่ 28 ส.ค.2563 จึงมีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน ครั้งที่ 6/2563 เอกสารหมาย จ.61 โดยจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) แถลงต่อที่ประชุมขอเบิกเงินจำนวน 2,000,000,000 บาท ซึ่งที่ประชุมมีมติให้เบิกเงินได้
แม้นายกฤษณรักษ์ หนึ่งในคณะกรรมการจะเบิกความว่า เงินฝากดังกล่าวเป็นเงินสะสมและกำไรบางส่วนที่ยังมิได้ทำการจัดสรรระคนกันอยู่ จึงต้องส่งไปให้กระทรวงการคลังอนุมัติก่อน เพราะตามปกติหากองค์การคลังสินค้าดำเนินกิจการได้กำไรต้องแบ่งส่วนหนึ่งเข้าคลังตามที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ.2558 ข้อ 8, 9 และ 16
หากคำนวณตามปีงบประมาณแล้ว ช่วงเวลาเกิดเหตุเป็นช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ การที่กระทรวงการคลังจะกำหนดให้องค์การคลังสินค้า ส่งเงินกำไรเข้าคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ย่อมต้องประมาณการจากผลกำไรขององค์การคลังสินค้า
ดังเช่นที่จำเลยที่ 5 เบิกความว่า ขณะเกิดเหตุองค์การคลังสินค้า มีเงินฝาก 3,100,000,000 บาท มีรายจ่าย 1,700,000,000 บาท อันเป็นภาระผูกพันที่จะต้องจ่ายเป็นค่าจ้างปรับปรุงข้าวสาร ซึ่งมิได้ต้องจ่ายในคราวเดียวดังจะเห็นได้จากสัญญาซื้อขายข้าว เอกสารหมาย ศ.1 ถึง 2 และต้องส่งกระทรวงการคลัง 700,000,000 บาท ตามบันทึกถ้อยคำฉบับลงวันที่ 7 ก.พ.2568
ดังนี้ การเบิกเงินมาเพื่อลงทุน 2,000,000,000 บาทท ก็จะมีเงินคงเหลืออยู่เกินกว่า 700,000,000 บาท เพื่อให้กระทรวงการคลังกำหนดให้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป ซึ่งว่าที่ร้อยตรีพีรศักดิ์ คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ ก็เบิกความรับว่า กระบวนการการเบิกเงินลงทุนนั้นถูกต้อง ดังนี้ ที่คณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน อนุมัติให้เบิกเงินจึงเป็นการดำเนินการโดยชอบแล้ว
จำเลยที่ 5 จึงทำบันทึกที่องค์การคลังสินค้า สขจ. 12000/186 ลงวันที่ 28 ส.ค.2563 เอกสารหมาย จ.63 เสนอจำเลยที่ 1 ให้อนุมัติซื้อถุงมือยางจากจำเลยที่ 2 จำนวน 500,000,000 กล่อง เพื่อจำหน่ายให้กับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC โดยจำเลยที่ 1 ลงนามอนุมัติในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นการอนุมัติการซื้อขายที่มีมูลค่าเกิน 50,000,000 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ศาลได้วินิจฉัยไปแล้วข้างต้นว่า ข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526 ข้อ 3 และข้อ 4 ซึ่งเป็นการจำกัดอำนาจผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตาม พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 มาตรา 17 วรรคท้าย
จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) จึงมิได้มีคำสั่งฝ่าฝืน พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 และข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526
@‘ข้อบังคับฯ’ปี 26 ชี้ซื้อขาย‘ถุงมือยาง’ไม่ต้องออก TOR
ต่อมาในวันที่ 31 ส.ค.2563 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง เอกสารหมาย จ.64 โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ลงนามในฐานะที่องค์การคลังสินค้าเป็นผู้ซื้อ ส่วนจำเลยที่ 3 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 2 ลงนามในฐานะผู้ขาย โดยไม่มีการประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการอื่นตามที่ถูกกล่าวหา
แต่เมื่อพิจารณาข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526 ข้อ 8.4 ที่กำหนดไว้ว่า หากเป็นการจัดซื้อสินค้าที่มีลูกค้ารองรับซื้อต่อล่วงหน้า ก็เป็นอำนาจของผู้มีอำนาจของหน่วยงานพิจารณาสั่งซื้อจากที่ส่วนงานที่มีหน้าที่จัดซื้อซื้อต่อรองราคากับผู้ขายได้ โดยไม่ต้องทำการประกาศเชิญชวนเหมือนการจัดซื้อสินค้าโดยวิธีปกติ
ในคดีนี้องค์การคลังสินค้ามี KRENEK LAW OFFICES, PLLC เสนอซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้าแล้ว ตามเอกสารหมาย จ.58 และมีการต่อรองราคากับจำเลยที่ 2 แล้ว ตามเอกสารหมาย จ.63 ประกอบใบเสนอราคาของจำเลยที่ 2 เอกสารหมาย จ.168 ปรากฏเลขหน้า 15157
ส่วนเรื่องของร่างสัญญาตามเอกสารหมาย จ.64 ที่จำเลยที่ 5 ยังมิได้ส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตามระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2561 ข้อ 10 และมติคณะรัฐมนตรี ตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 308 ตามเอกสารหมาย ล.1/1 ซึ่งสัญญาตามเอกสารหมาย จ.64 เป็นการทำสัญญาระหว่างองค์การคลังสินค้ากับจำเลยที่ 2 ที่เป็นนิติบุคคลในประเทศไทย จึงไม่เข้าข่ายที่จะถูกบังคับด้วยโดยมติคณะรัฐมนตรีในข้อ 3.1
ส่วนเนื้อหาตามร่างสัญญาที่ปรากฏนั้น ในเรื่องราคา จำเลยที่ 2 ตกลงขายถุงมือยางให้องค์การคลังสินค้าในราคากล่องละ 225 บาท ซึ่ง KRENEK LAW OFFICES, PLLC ซื้อจากองค์การคลังสินค้าในราคากล่องละ 230 บาท จำนวน 500,000,000 กล่อง
องค์การคลังสินค้าจะได้กำไรกล่องละ 5 บาท หากมีการส่งมอบสินค้าจนครบจำนวนภายในระยะเวลา 2 ปี นับแต่วันทำสัญญา องค์การคลังสินค้าจะได้กำไรเป็นเงินทั้งสิ้น 2,500,000,000 บาท
ในเรื่องของคุณภาพสินค้านั้น เนื่องจากผู้ซื้ออยู่ในต่างประเทศ และต้องการนำไปขายต่างประเทศ จึงไม่มีความจำเป็นที่ถุงมือยางที่จะส่งออกไปนั้น จะต้องได้รับการรับรองจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งจำเลยที่ 3 เบิกความว่า จำเลยที่ 3 นำสินค้ามาจากโรงงานที่ผลิตถุงมือยางที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกานั้น (FDA) โดยมีโรงงานในประเทศไทยที่มีกำลังผลิตถุงมือยางในปริมาณ 500,000,000 กล่อง และได้รับการรับรองจาก FDA แล้ว ประมาณ 4 ถึง 5 แห่ง
นอกจากนี้ จำเลยที่ 3 ยังสามารถนำเข้าถุงมือยางจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมถึงประเทศมาเลเซียด้วย ตามเอกสารหมาย ล.2-3/3, 4/20, ล.2-3/21/1 โดยโรงงานในประเทศไทย เป็นโรงงานที่รับจ้างผลิตถุงมือยางจากบริษัทต่างๆ ในประเทศไทย
พยานจึงติดต่อกับบริษัทต่างๆ ดังกล่าว ตามเอกสารหมาย ล.2-3/22/1, 22/2 ซึ่งมีหลายยี่ห้อ ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.58 ซึ่งมีขายทั่วไปตามท้องตลาด กรณีจึงไม่มีข้อที่ต้องกังวลว่า ผู้ซื้อจะเรียกร้องค่าเสียหายจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ
ในส่วนของการส่งมอบสินค้าที่ข้อสัญญาตามเอกสารหมาย จ.64 กำหนดว่า ให้ส่งมอบที่โรงงานของจำเลยที่ 2 ก็มิได้หมายความว่า องค์การคลังสินค้าต้องเป็นผู้ขนส่งถุงมือยางไปให้ผู้ซื้อ อันจะทำให้ต้องรับภาระค่าขนส่ง เพราะราคาขายตามสัญญานั้น
เป็นราคาขายแบบ FOB ซึ่งย่อมาจาก Free on Board เป็น TERM ที่ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดจากฝั่งผู้ขาย และผู้ขายจะต้องรับผิดชอบในการนำสินค้าไปส่งมอบที่ท่าเรือต้นทางสำหรับการส่งออก เมื่อสินค้าขึ้นไปบนเรือแล้ว ค่าใช้จ่ายและความเสียงต่างๆ จะเป็นของผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อจะเป็นผู้ดูแลภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงต่างๆ ตั้งแต่สินค้าอยู่บนเรือเป็นต้นไปจนถึงปลายทาง
โดยทางฝั่งผู้ขายนั้น ต้องจัดเตรียมสินค้า ใบกำกับสินค้า และหลักฐานอื่นๆ ที่กำหนดอยู่ในสัญญา เพื่อให้ผู้ขายวางสินค้าไว้บนเรือ ณ จุดขนถ่ายสินค้าไว้บนเรือขนส่ง หรือจุดที่ทั้งสองฝ่ายนั้นได้ตกลงกันไว้
ผู้ขายต้องชำระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตรวจสอบ เช่น การตรวจสอบคุณภาพ การวัด การชั่งน้ำหนัก การนับจำนวน ชำระค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบ ซึ่งถูกกำหนดให้ดำเนินการโดยหน่วยงานที่มีอำนาจของประเทศส่งออก ผู้ขายต้องบรรจุหีบห่อสินค้าและค่าใช้จ่ายในการผ่านพิธีการส่งออก (custom clearance) รวมทั้งค่าภาษีอากร และค่าภาระอื่นๆ ทั้งหมดที่ต้องชำระเมื่อส่งออก
นอกจากนี้ ผู้ขายต้องรับภาระความเสี่ยงทั้งหมดต่อการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า จนกระทั่งสินค้าได้ถูกส่งมอบแล้ว ส่วนขั้นตอนการนำเข้านั้น เป็นความรับผิดชอบของผู้ซื้อ ดังนี้ จะเห็นว่าองค์การคลังสินค้า ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งมอบสินค้าแต่อย่างใด
@วางมัดจำ‘ถุงมือยาง’ 2 พันล้าน ‘อคส.’ไม่เสียเปรียบ
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 วางเงิน 2,000,000,000 บาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละประมาณ 1.77 ของมูลค่าในการซื้อขายทั้งหมด เป็นมัดจำในฐานะที่องค์การคลังสินค้า เป็นผู้ซื้อ ก็เป็นการดำเนินการตามปกติในทางการค้าทั่วไป และกำหนดให้จำเลยที่ 3 นำเงิน 200,000,000 บาท มาเป็นประกันสัญญาภายหลังจากทำสัญญา 7 วัน เป็นส่วนที่ทำให้องค์การคลังสินค้าเสียเปรียบหรือไม่ นั้น
แม้ว่าเงินประกันสัญญาที่จำเลยที่ 2 โอนเข้าบัญชีองค์การคลังสินค้ามีจำนวนที่น้อยกว่าเงินมัดจำอยู่มาก ทั้งเป็นจำนวนเงินที่ไม่ถึงร้อยละ 5 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด อันขัดกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ข้อ 168
แต่อย่างไรก็ตาม การซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ ไม่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560
เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ตามมาตรา 7 (1) และบัญชีเอกสารแนบท้ายประกาศคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับการพาณิชย์โดยตรง ลงวันที่ 6 ธ.ค.2560 ข้อ 5.3.1 (2) ดังที่ศาลได้วินิจฉัยไปแล้วข้างต้น
จึงต้องพิจารณาจากระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2561 เอกสารหมาย จ.134 เป็นหลัก ซึ่งตามระเบียบดังกล่าว ไม่ปรากฏรายละเอียดเรื่องหลักประกันสัญญาไว้
แต่หากพิจารณาในฐานะที่องค์การคลังสินค้า จะต้องเป็นผู้ขายถุงมือยางต่อให้กับ KRENEK LAW OFFICES, PLLC ตามหนังสือแสดงเจตจำนงเอกสารหมายเลข จ.58 หากจำเลยที่ ๒ ไม่อาจส่งมอบถุงมือยางให้องค์การคลังสินค้าได้ องค์การคลังสินค้าก็ยังไม่มีความรับผิดต่อ KRENEK LAW OFFICES, PLLC
ดังนี้ การกำหนดให้จำเลยที่ 2 วางเงินประกันสัญญาภายหลังทำสัญญาตามเอกสารหมาย จ.64 จึงอาจจะทำให้องค์การคลังสินค้าเสียเปรียบเฉพาะแต่ในแง่ที่ว่า องค์การคลังสินค้าจ่ายเงินมัดจำในวันทำสัญญา แต่จำเลยที่ 2 ยังไม่วางเงินประกันในวันดังกล่าว
แต่ศาลได้วินิจฉัยไปแล้วข้างต้นว่า เป็นเพราะองค์การคลังสินค้าอยู่ในฐานะผู้ซื้อ การวางเงินเพียงร้อยละ 1.77 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด จึงไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ในวันที่ 6 ก.ย.2563 จำเลยที่ 2 ก็ได้โอนเงินหลักประกันสัญญาให้องค์การคลังสินค้า 200,000,000 บาท โดยที่ข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526 ไม่มีข้อใดกำหนดในเรื่องหลักประกันไว้
และการวางหลักประกันภายหลังวันทำสัญญา ก็เป็นข้อตกลงระหว่างคู่สัญญาที่มิได้ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด จึงสามารถตกลงได้และใช้บังคับระหว่างคู่สัญญาได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150
จึงอยู่ในดุลพินิจของรัฐวิสาหกิจที่จะพิจารณาส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาหรือไม่
@ส่งร่างสัญญาฯให้‘อสส.’ตรวจก่อนหรือไม่ เป็นดุลพินิจ‘ผอ.อคส.’
ส่วนประเด็นที่ว่าข้อบังคับฯในข้อ 10 กำหนดว่า ต้องส่งร่างสัญญาให้สำนักอัยการสูงสุดพิจารณาเห็นชอบก่อนลงนามหรือต้องใช้แบบหนังสือตกลงซื้อตามแบบที่องค์การคลังสินค้ากำหนด
เมื่อการจัดซื้อขององค์การคลังสินค้า ไม่ถูกบังคับด้วย พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 หลักเกณฑ์ เรื่อง การส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณา จึงต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ตามเอกสารหมาย ล.1/1 ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต้องปฏิบัติตาม
โดยจำเลยที่ 1 เบิกความว่า สัญญาซื้อขายตามเอกสารหมาย จ.64 นำแบบร่างสัญญามาจากสัญญาซื้อขายข้าวระหว่างองค์การคลังสินค้ากับเรือนจำกลางเขาบิน จังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นร่างสัญญาที่สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาเห็นชอบแล้ว ตามเอกสารหมาย ล.2/1
โดยเมื่อพิจารณาสัญญาดังกล่าว จะเห็นว่าข้อแตกต่างที่ปรากฎระหว่างสัญญาซื้อขายข้าว เอกสารหมาย ศ.1 ถึง 2 กับสัญญาซื้อขายถุงมือยางเอกสารหมาย จ.64 มีข้อที่แตกต่างกันในเรื่องของวัตถุแห่งหนี้ที่เป็นสาระสำคัญ คือ เป็นการซื้อขายสินค้าคนละประเภท
ส่วนแบบของสัญญาอันเป็นข้อตกลงที่คู่สัญญาต้องปฏิบัติต่อกัน ต่างก็มีรายละเอียดเช่นเดียวกัน และไม่มีการกำหนดงวดการส่งมอบข้าวไว้ แต่สัญญาตามเอกสารหมาย ศ.1 และ ศ.2 องค์การคลังสินค้าอยู่ในฐานะผู้ขาย การไม่ระบุงวดการส่งมอบสินค้า จึงไม่ทำให้องค์การคลังสินค้าเสียเปรียบ
ส่วนสัญญาตามเอกสารตามเอกสารหมาย จ.64 ที่องค์การคลังสินค้าอยู่ในฐานะผู้ซื้อนั้น ศาลก็ได้วินิจฉัยไปแล้วข้างต้นว่าหากจำเลยที่ 2 ไม่อาจส่งมอบถุงมือยางให้ได้ องค์การคลังสินค้าก็ยังไม่มีความรับผิดต่อ KRENEK LAW OFFICES,PLLC
เมื่อพิจารณาระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2561 ข้อ 10 ร่วมกับมติคณะรัฐมนตรี ข้อ 3 และข้อ 4 จะเห็นว่าสัญญาซื้อขายถุงมือยางในคดีนี้ ตามข้อสัญญาและพฤติการณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ปรากฏว่าเป็นข้อสัญญาที่ทำให้องค์การคลังสินค้าเสียเปรียบตามฟ้องของโจทก์
จึงอยู่ในดุลพินิจของรัฐวิสาหกิจที่จะพิจารณาส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาหรือไม่ก็ได้ รวมถึงการใช้ดุลพินิจในการพิจารณาข้อสัญญาว่าเสียเปรียบหรือไม่ ผู้ที่จะใช้ดุลพินิจตามมติคณะรัฐมนตรีข้อนี้ได้ ก็มีแต่จำเลยที่ 1 ที่ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าเท่านั้น
การที่จำเลยที่ 1 ใช้ดุลพินิจไม่ส่งร่างสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา จึงเป็นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว และไม่ปรากฏว่าการใช้ดุลพินิจดังกล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจ โดยมีเจตนาทำให้องค์การคลังสินค้าเสียหาย
พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 21 กระทำความผิดตามฟ้อง
พิพากษายกฟ้อง
เหล่านี้เป็นคำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 (ศาลชั้นต้น) ที่พิพากษา ‘ยกฟ้อง’ จำเลยทั้ง 21 คน ในคดีจัดซื้อถุงมือยาง และอัยการอยู่ระหว่างการจัดทำคำอุทธรณ์ จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า คดีนี้จะมีบทสรุปอย่างไร?
อ่านประกอบ :
- ฉบับเต็ม! อธิบดีผู้พิพากษาเห็นแย้งยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยาง 2 พันล.
- ยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยางอคส. 2 พันล.-อธิบดีผู้พิพากษา เห็นแย้ง
- เพิ่งจัดตั้ง 2 ด.เศษ! เปิดตัว บ.คู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล.-พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยันทำถูกต้อง
- โชว์ครบ 4 หน้า! สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล้าน-ข้อสังเกตหลักประกัน 200 ล.-ลูกค้าปริศนา?
- แกะรอยเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียนโกลฟส์ งวดแรก อยู่ที่ไหน?
- โพรไฟล์ชีวิต ‘พ.ต.อ.รุ่งโรจน์’ ผู้ลงนามสัญญาซื้อขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- แฉเหตุ 'รุ่งโรจน์' กล้าทำสัญญาขายถุงมือยางแสนล.! มีบอร์ดอคส.-นักการเมือง ปชป.ดีลลูกค้าให้
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เบื้องลึก บ.ขายถุงมือยาง อคส.แสนล.-1 ในผู้บริหารเคยโดนแจ้งความคดีฉ้อโกง?
- พบเป็นโกดังเก็บสินค้าย่านนครปฐม! เผยโฉม บ.การ์เดียนโกลฟส์ฯ คู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล.
- เปิดตัว คุณเอ็ม 'ธณรัสย์ หัดศรี' เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- ภาพชุด 2! เปิดตัว 'คุณเอ็ม' เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ': เปิด 7 เอกชน จองซื้อถุงมือยาง อคส.แสนล.-บ.K สั่งล็อตใหญ่ 500 ล้านกล่อง
- MR.Abdullah Pathan ตัวแทนลอว์เฟิร์มในสหรัฐฯ สั่งซื้อถุงมือยางแสนล.มีตัวตนจริงหรือไม่?
- บ้าน 2 ชั้นย่านอุดมสุข! เปิดตัวบ.เคเค.ออยล์ ลูกค้ารายที่ 2 สั่งซื้อถุงมือยาง 1.1 หมื่นล.
- คนชื่อแอร์แนะนำ! ผู้บริหารบ.เคเคออยล์ฯ แจงทำสัญญาซื้อถุงมือยาง 1.1หมื่นล.-มีลูกค้าจริง
- รุ่นพี่ชื่อ'จ๋า'แนะนำ! เปิดตัวบ.ถนอมผลไม้ ลูกค้าอคส.รายที่ 3 ซื้อถุงมือยาง 1.1 หมื่นล.
- รายที่4! เปิดตัว Galore ลูกค้า อคส. ซื้อถุงมือยาง2.2หมื่นล.-อยู่ฟลอริดา โชว์รายได้ 2 ล.
- เจอแล้ว! บ.รายที่ 5 ซื้อถุงมือยาง2.1 หมื่นล.-แจ้งงบฯขาดทุน1.2 หมื่น-ยันมีลูกค้าตปท.จริง
- ตามไปดู บ.รายที่ 6 ซื้อถุงมือยาง อคส.2.5 พันล. พบเป็นที่ตั้งลอว์เฟิร์มย่านรัชดา
- ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง! ตัวแทน บ.ควีนฯ แจงเหตุสั่งซื้อถุงมือยาง 2.5 พันล.-คนใน.อคส.ชักชวน
- เปิดตัว บ.รายที่ 7 ซื้อถุงมือยาง 2.5 พันล.-โอดเดือดร้อน ส่งของ รบ.ท้องถิ่นแคนาดาไม่ทัน
- ล็อกเป้า 3 บ.จุดเริ่มต้นคดีถุงมือยางแสนล.! อคส.รอ DSI สอบปากคำจบตามเงินคืน 1.8 พันล.
- โชว์ใบฝากเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียนฯ-เข้าบช.กสิกรไทย บิ๊กซีนครปฐม
- เปิดเส้นทางเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียน- ณ 15 ก.ย. เหลือยอดแค่ 858 ล.
- เผยโฉมบัญชี บ.การ์เดียนฯ รับเงิน อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง 2 พันล.-ก่อน ป.ป.ช.สั่งอายัด
- แฉบ.การ์เดียนฯ ชิงถอนเงินเกือบหมด! หลังสื่อตีข่าว ป.ป.ช. สั่งอายัดบัญชีถุงมือยาง 2 พันล.
- ไม่เคยให้เงินใต้โต๊ะกับใคร! เปิดคำชี้แจง เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ ปมขายถุงมือยางแสนล้าน
- ต้องเอาเงินคืน!'จุรินทร์'ตอบปม อคส.ซื้อถุงมือยางแสนล้าน-ป.ป.ช.ระงับบัญชีแล้วบางส่วน
- เบื้องลึก 'จุรินทร์' สั่งตามเงินคืน 2 พันล.! อคส.คุ้ยหลักฐานตปท.พิสูจน์MOUซื้อถุงมือยางแสนล.
- ขมวดปม (1) ข้อสังเกตสร้างนิติกรรมสัญญา? เปิดโอกาสจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
- โชว์ครบ 3 หน้า แปลไทยแล้ว! สัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล. 'อคส.-ลอว์เฟิร์มสหรัฐฯ'
- ผู้บริหารโดนคดีฉ้อโกงค่าอาหารที่พัก! ขมวดปม (2) ข้อมูลลับ 'การ์เดียนโกลฟส์'ในมือ อคส.
- ขมวดปม (3) ข้อสังเกตสัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล. 'อคส.-การ์เดียนโกลฟส์' เอื้อปย.เอกชน
- เปิดที่มาเงิน 2 พันล. อคส. จ่ายค่าถุงมือยาง 'ถอนจากบัญชีฝากประจำ' ไม่ขออนุญาตก.คลัง?
- เปิดคำให้การ! เบื้องหลังมติถอนเงินบัญชีฝากประจำจ่ายถุงมือยาง 2 พันล.-ไม่ผ่านบอร์ด อคส.?
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' : 9 เงื่อนปม ป.ป.ช.ลุยสอบ อคส. ทำสัญญาจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
- สภาระอุ! หลักฐาน-คำชี้แจง'ประเสริฐ-จุรินทร์' ปมจัดซื้อถุงมือยาง
- รอ ป.ป.ช.ชี้ขาดดีกว่า! 'รุ่งโรจน์' เมิน อคส.ชงผลสอบถุงมือยางแสนล.ให้ 'จุรินทร์'
- ยังเปิดกิจการอยู่! โชว์ภาพล่าสุด บ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส. แสนล.
- ให้ปากคำ ป.ป.ช.แล้ว! ความเคลื่อนไหวล่าสุด บ.การ์เดียนฯ ขายถุงมือยางแสนล.
- แฟ้มลับคดีถุงมือยางแสนล.(1) เปิดคำให้การ บ.การ์เดียนฯ จนท. 'ก.' มาดีลงานถึงที่
- โวย อคส.ชวนมาซื้อแต่โดนคดีทุจริต! อนุฯ ป.ป.ช.แจ้งข้อหา จนท.รัฐ-เอกชนปมถุงมือยางแสนล.
- ลับสุดยอด! ภาพชุด จนท.อคส. เปิดคลังรับสินค้า บ.การ์เดียนฯ จุดเริ่มต้นคดีถุงมือยางแสนล.
- รีวิวครั้งแรก! เผยโฉมถุงมือยางแสนล้าน อคส.ทำสัญญาซื้อ บ.การ์เดียนฯ - ใครผลิต?
- เบื้องหลัง! ภาพชุดเปิดคลังรับสินค้าถุงมือยางแสนล.- บิ๊ก อคส. สั่งจัดฉากโชว์ของตัวอย่าง?
- คู่สัญญาถุงมือยางแสนล. 'อคส.' เปลี่ยนชื่อใหม่ - ออกสื่อPR.ข่าวแผนธุรกิจงานหมื่นตำแหน่ง
- อคส. หัก บ.การ์เดียนฯ สั่งคืนถุงมือยางแสนล.! ‘อิศรา’ บุกคลังสินค้าขอดูของ จนท.ไม่ให้
- ขอริบเงิน 2,000 ล.! บ.การ์เดียนฯ โต้กลับ อคส. ชิงบอกเลิกสัญญาถุงมือยางแสนล้าน
- หลักฐานใหม่ 'ศรีตรัง-ซันไทย' ไม่รู้เรื่องถูกใช้เอกสารแนบทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล.
- เจาะผลสอบถุงมือยางแสนล.(1) เริ่มต้นห้อง บิ๊ก อคส.-นาย อ.จัดให้คำสั่งซื้อลอว์เฟิร์มสหรัฐ
- เจาะผลสอบถุงมือยางแสนล.(2) บทบาทผู้บริหาร อคส.ปริศนา สั่งหาช่องทำสัญญา-จ่ายเงินสองพันล.
- ถ้าบอกทุจริตจะสู้หัวชนฝา! ป.ป.ช. เรียก รุ่งโรจน์ แจ้งข้อกล่าวหาถุงมือยางแสนล. 28 พ.ค.
- เผยหนังสือลับคดีถุงมือยางแสนล.! อนุฯ ไต่สวน ป.ป.ช. แจ้งขอหลักฐานแต่งตั้ง ปธ.บอร์ด อคส.
- กลับไปใช้ชื่อเก่า! บ.การ์เดียนฯ ถุงมือแสนล. อคส.แจ้งเปลี่ยนรอบ2-ยังไม่โชว์งบการเงิน
- พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยื่นหนังสือลาออกแต่โดนเบรก - ขอแสดงความรับผิดชอบถุงมือยางแสนล.!
- กางระเบียบ อคส.! ทางเดียว 'รุ่งโรจน์' ลาออกได้ ต้องเป็น 'ผู้บริสุทธิ์' คดีถุงมือยางแสนล.
- ขีดเส้น 'รุ่งโรจน์' ให้ปากคำสอบวินัยร้ายแรงถุงมือยาง-ถ้าโดนไล่ออกเจอฟ้องคืนเงินด.หลักล้าน!
- ระทึก! บอร์ด อคส. ทั้งคณะ จ่อโดนสอบความรับผิดทางละเมิดคดีถุงมือยางแสนล้าน
- สรุปผลสอบคดีละเมิดถุงมือยาง โดนชี้ 7 ราย 'สุชาติ-รุ่งโรจน์-เกียรติขจร-มูรธาธร-จนท.อีก 3'
- พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ : The Last Dance ท่าที-แนวทางต่อสู้ คดีถุงมือยางแสนล.
- 'จุรินทร์'เผยผลสอบ กก.ลงโทษทางวินัยร้ายแรงไล่ออกราชการ 3 คนเอี่ยวคดีถุงมือยาง
- เป็นทางการ! บอร์ด อคส. ลงมติไล่ออก 'รุ่งโรจน์-เกียรติขจร -มูรธาธร' คดีถุงมือยางแสนล.
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เปิดสำนวน คกก.วินัยร้ายแรง มติเอกฉันท์ไล่ออก 'รุ่งโรจน์-พวก' คดีถุงมือยาง
- โชว์คำสั่งไล่ออก จนท.อคส.คดีถุงมือยางแสนล.-กรณี 'รุ่งโรจน์' แจ้งปลัดสำนักนายกฯ แล้ว
- ไต่สวนคดีถุงมือยาง อคส. แสน ล.เสร็จแล้ว! เตรียมส่ง กก.ป.ป.ช.ชี้ขาด
- มีชื่อบิ๊กในบอร์ด อคส.ด้วย! ป.ป.ช.ขีดเส้นสรุปสำนวนไต่สวนคดีถุงมือยางแสนล.ก่อนสิ้นปีนี้
- รัฐมนตรีไม่โดน! ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน อคส.-มีผู้ถูกกล่าวหา 21 คน
- โดนจริง 22 คน! เจาะมติป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยางอคส.-'มูรธาธร' มือจ่ายเช็ค2พันล.รอดอาญา
- ได้มาแล้ว! เปิดครบ 22 ชื่อผู้ถูกกล่าวหา คดีถุงมือยาง 'รุ่งโรจน์-สุชาติ-ธณรัสย์' โดนหมด
- ยังไม่เลิกกิจการ! ข้อมูลล่าสุด บ.ถนอมผลไม้ถูกชี้มูลคดีถุงมือยาง เจ้าของออเดอร์1.1หมื่นล.
- พร้อมสู้! 'รุ่งโรจน์-ธณรัสย์' แจงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยาง ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม
- ข้อมูลใหม่! มติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยาง อคส. ขอให้ริบทรัพย์เงิน 550 ล.-ที่ดิน 33 ไร่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา