
อีกคดีตัวอย่าง! เปิดคำพิพากษาศาลฎีกา เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ‘ญาณวิทย์ เกียรติสูงเนิน’ผู้สมัคร สว.ระดับจังหวัด นครราชสีมา แชตไลน์ถี่ยิบฮั้วขอคะแนน “ผมเลือกท่านดูแลผมด้วย” -“ผมขอ 1 คะแนน จากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” ชี้ชัดไม่สุจริต เอาเปรียบคนอื่น
คดีผู้สมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภาปี 2567 มีพฤติการณ์ทุจริตเพื่อให้ได้รับการคัดเลือกถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเวลา 10 ปี สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลมารายงานหลายคดี
ก่อนหน้านี้เป็นกรณีนายวุฒิชัย ทองเถาว์ ผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี ชักชวนให้นายประจักษ์ ธรรมราช ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มเดียวกับ นายวุฒิชัย ผู้คัดค้าน ลงคะแนนแก่ผู้คัดค้านและเสนอเงิน 50,000 บาท เป็นค่าเดินทางโดยอ้างว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินของนางวิลาวัณย์ ตันวัฒนะพงษ์ (เรื่องเก่ยวข้อง: เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี! ผู้สมัคร สว.ระดับ จ.อุบลฯ โทร.เสนอเงิน“ป๋าเลือกผม..เลากะให้ค่ารถห้าหมื่น” )
รายนายสุชิน คล้ายระย้า ผู้สมัคร สว.ระดับอำเภอ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ กลุ่มที่ 15 อายุ 55 ปี ให้ข้อมูลเท็จ กรอกใบสมัครอ้างอายุ 60 ปี แท้จริงมิใช่ผู้สูงวัย ไม่เป็นคนพิการ ทุพพลภาพ กระทำทุจริตจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติลงคะแนน (เรื่องเกี่ยวข้อง :เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้สมัคร สว.ระดับอำเภอ เขตหลักสี่ กรอกข้อมูลเท็จเป็นผู้สูงวัย 60 ปี )
คราวนี้เป็นราย นายญาณวิทย์ เกียรติสูงเนิน ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 3 ถูกร้องมีพฤติกรรม ส่งข้อความทางไลน์เพื่อขอแลกเปลี่ยนคะแนนกันหรือสมยอมกันในการลงคะแนนเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือก อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดย สุจริตหรือเที่ยงธรรม พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายญาณวิทย์ เป็นระยะเวลา 10 ปี รายละเอียดดังนี้
@ เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม-คำร้อง กกต. ผู้คัดค้านส่งไลน์ขอคะแนน
คําพิพากษา คดีหมายเลขดําที่ ลต สว 7/2568 คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 53/2568 ศาลฎีกา วันที่ 26 เดือน พฤศจิกายน พุทธศักราช 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายญาณวิทย์ เกียรติสูงเนิน ผู้คัดค้าน
เรื่อง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคําร้องและแก้ไขคําร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่องกําหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กําหนดวันเลือกระดับอําเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 3 หมายเลข 9
ก่อนประกาศผลการเลือกผู้ร้องได้รับคําร้องว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ผู้คัดค้านติดต่อนายเมธัส รอดภัย เพื่อขอแลกเปลี่ยนคะแนนกันหรือสมยอมกันในการลงคะแนนเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นการแนะนําตัวที่มิได้เป็นไปตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 70 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนําตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ข้อ 11 (1) (6)
ผู้ร้องไต่สวนแล้วได้ความว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 เวลา 07.39 นาฬิกา ผู้คัดค้านใช้บัญชีแอปพลิเคชันไลน์ของผู้คัดค้านชื่อ “Yanwit” ติดต่อกับนายเมธัส โดยส่งข้อความว่า “ผมเลือกท่าน... ดูแลผมด้วย”
ต่อมาระหว่างเวลา 08.35 นาฬิกา ถึงเวลา 08.36 นาฬิกา นายเมธัส ส่งข้อความถึงผู้คัดค้านว่า “สวัสดีครับท่าน” และ “ท่านคนเก่ง เข้าวินแน่ครับ”
เวลา 08.43 นาฬิกา ผู้คัดค้านส่ง ข้อความว่า “ผมยินดีให้ความร่วมมือกับท่าน ครับ”
เวลา 13.14 นาฬิกา ผู้คัดค้านส่งข้อความว่า “ผมขอ 1 คะแนน จากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย”
เวลา 13.16 นาฬิกา นายเมธัส ส่งข้อความว่า “ผมไม่สะดวก โทรคุยกับใครนาน และพิมพ์คุยครับท่าน สุ่มเสี่ยง” และ “ไว้วันที่ 16 พบกันทีเดียวครับท่าน”
หลังจากนั้นวันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 21.15 นาฬิกา ผู้คัดค้านส่ง ข้อความว่า “ฝากผม ด้วยครับท่าน” รวมทั้งส่งภาพถ่ายเอกสารแนะนําตัวของผู้คัดค้าน
@“ผมขอ 1 คะแนนจากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย”
เมื่อพิจารณาข้อความดังกล่าวที่ผู้คัดค้านส่งถึงนายเมธัสแสดงให้เห็นถึงเจตนาของผู้คัดค้านที่ประสงค์จะขอให้ นายเมธัสลงคะแนนให้ผู้คัดค้านและผู้คัดค้านจะลงคะแนนให้แก่นายเมธัส รวมทั้งอาจมีผู้มีสิทธิเลือก
ระดับจังหวัดคนอื่นลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน ตามข้อความว่า “ผมขอ 1 คะแนนจากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” ซึ่งเป็นการขอให้แลกเปลี่ยนคะแนนให้แก่กันเพื่อให้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา โดยมิได้เป็นการลงคะแนนเลือกกันเองตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 11 และมาตรา 33 ซึ่งกําหนดให้สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะหรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทํางานหรือเคยทํางานด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคมในแต่ละกลุ่ม โดยให้ใช้วิธีลงคะแนนลับ ซึ่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนําตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ได้กําหนดมาตรการที่จําเป็นเพื่อให้การเลือกดังกล่าวเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมโดยผู้สมัครสามารถกระทําการเกี่ยวกับการแนะนําตัวว่า ตนมีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ การทํางานในด้านที่สมัครตามที่กฎหมายกําหนดเพื่อให้ผู้สมัครอื่นนําข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการตัดสินใจลงคะแนน มิใช่การแลกเปลี่ยนคะแนนให้แก่กัน การกระทําดังกล่าวของผู้คัดค้านเป็นการแนะนําตัวที่มิได้เป็นไปตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด อีกทั้งมิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 11 และมาตรา 33 กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้คัดค้านกระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 70 และ ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนําตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ข้อ 11 (1) (6) ซึ่งเป็นการทุจริตในการเลือก อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 62 ขอให้ศาลฎีกามีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 226 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 และมาตรา 62 ประกอบระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนําตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ข้อ 11 (1) (6)
@ส่งไลน์ขอคะแนนถี่ยิบ -“ผมเลือกท่าน ดูแลผมด้วย”
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคําคัดค้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 โดยมีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่องกําหนด วันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กําหนดวันเลือกระดับอําเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567 ผู้คัดค้านเป็นผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 3 หมายเลข 9
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันหลังเลือกระดับจังหวัด 1 วัน นายเมธัสผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 3 หมายเลข 22 ยื่นคําร้องคัดค้านต่อผู้อํานวยการสํานักงาน คณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดนครราชสีมาว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 และวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันก่อนวันเลือกระดับจังหวัด 2 วัน และ 3 วัน ตามลําดับ ผู้คัดค้าน ส่งข้อความผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ถึงนายเมธัสว่า “ผมเลือกท่าน ดูแลผมด้วย” “ผมยินดีให้ ความร่วมมือกับท่าน ครับ” “ผมขอ 1 คะแนนจากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” “ผมยินดีให้ความร่วมมือกับท่าน” และ “ฝากผมด้วยครับ” รวมทั้งส่งภาพถ่ายเอกสารแนะนําตัวของ ผู้คัดค้านให้นายเมธัส ตามหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2567 เอกสารหมาย ร.1หน้าที่ 110 ถึงหน้าที่ 116
ผู้ร้องได้พิจารณารายงานการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจํา จังหวัดนครราชสีมา ตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว มีความเห็นว่า การแนะนําตัวของผู้คัดค้านมิได้เป็นไปตามวิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกําหนด อีกทั้งมิได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 11 และ มาตรา 33 กรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อว่า ผู้คัดค้านกระทําการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 ประกอบมาตรา 70 และระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการแนะนําตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567ข้อ 11 (1) (6) อันเป็นการทุจริตในการเลือก อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 62 ผู้ร้องจึงยื่นคําร้องขอให้มีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้คัดค้าน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 226 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 62 ตามคําวินิจฉัยคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 93/2568 เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 241 ถึงหน้าที่ 244
@ยอมรับส่งไลน์เพราะอยากได้คะแนน ไม่มีเจตนาให้คะแนน
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือก อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามคําร้อง หรือไม่
ผู้ร้องมีนายเมธัส รอดภัย เป็นพยาน เบิกความว่า พยานยื่นคําร้องคัดค้านการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา และ ให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของผู้ร้องว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 เวลา 07.39 นาฬิกา ผู้คัดค้านใช้บัญชีแอปพลิเคชันไลน์ของผู้คัดค้านชื่อ “Yanwit” ติดต่อกับพยาน โดยส่ง ข้อความว่า “ผมเลือกท่าน ... ดูแลผมด้วย” ต่อมาระหว่างเวลา 08.35 นาฬิกา ถึงเวลา 08.36 นาฬิกา พยานส่งข้อความถึงผู้คัดค้านว่า “สวัสดีครับท่าน” และ “ท่านคนเก่ง เข้าวินแน่ครับ” เวลา 08.43 นาฬิกา ผู้คัดค้านส่งข้อความว่า “ผมยินดีให้ความร่วมมือกับท่าน ครับ” เวลา 13.14 นาฬิกา ผู้คัดค้าน ส่งข้อความว่า “ผมขอ 1 คะแนน จากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” เวลา 13.16 นาฬิกา พยานส่งข้อความว่า “ผมไม่สะดวก โทรคุยกับใครนาน และพิมพ์คุยครับท่าน สุ่มเสี่ยง” และ “ไว้วันที่ 16 พบกันทีเดียวครับท่าน” หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 เวลา 21.15 นาฬิกา ผู้คัดค้าน ส่งข้อความว่า “ฝากผม ด้วยครับท่าน” รวมทั้งส่งภาพถ่ายเอกสารแนะนําตัวของผู้คัดค้าน ตามเอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 114 ถึงหน้าที่ 116 และมีนายอาชาไนย บุตรดางาม พนักงาน สืบสวนและไต่สวน สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดนครราชสีมา เป็นพยาน เบิกความว่า พยานได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการสืบสวนและไต่สวนประจําจังหวัดนครราชสีมา คณะที่ 2 ตามคําสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ 1004/2567 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ตามเอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 16 และหน้าที่ 17
ในชั้นไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ผู้คัดค้านให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนว่า ข้อความการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ระหว่างผู้คัดค้านกับนายเมธัส ก่อนวันเลือกระดับจังหวัดว่า “ผมขอ 1 คะแนน จากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” เป็นข้อความที่ ผู้คัดค้านขอคะแนนจากนายเมธัส 1 คะแนน เพราะอยากได้คะแนนและไม่มีเจตนาให้คะแนน โดยผู้คัดค้านรู้อยู่แล้วว่าการให้ 2 คะแนนเป็นไปไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะผู้มีสิทธิเลือก 1 คน มีสิทธิลงคะแนนได้ 1 คะแนน และผู้คัดค้านไม่เคยส่งข้อความในลักษณะเดียวกันนี้ให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 3 คนอื่นอีก ตามบันทึกถ้อยคําผู้ถูกร้อง เอกสารหมาย ร.1หน้าที่ 197 ถึงหน้าที่ 203
เห็นว่า ผู้ร้องมีนายเมธัสเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า ผู้คัดค้าน เป็นผู้ส่งข้อความทางแอปพลิเคชันไลน์ตามภาพถ่ายท้ายหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 17 มิถุนายน 2567เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 114 ถึงหน้าที่ 116 ถึงพยาน โดยข้อความว่า “ผมขอ 1 คะแนน จากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” ส่งให้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 สอดคล้องกับที่พยานให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนตามบันทึกถ้อยคําผู้ร้อง เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 122 ถึงหน้าที่ 126 และหน้าที่ 147 ถึงหน้าที่ 151 ประกอบกับผู้คัดค้านให้ถ้อยคําต่อคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนยอมรับว่าผู้คัดค้านเป็นผู้ส่งข้อความทางแอปพลิเคชันไลน์ตามภาพถ่ายท้ายหนังสือ ร้องเรียนลงวันที่ 17 มิถุนายน 2567 เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 114 ถึงหน้าที่ 116 ถึงนายเมธัส ตามบันทึกถ้อยคําพยาน เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 170 ถึงหน้าที่ 173 และบันทึกถ้อยคําผู้ถูกร้อง หน้าที่ 197 ถึงหน้าที่ 203 เจือสมกับคําเบิกความของนายเมธัส พยานหลักฐานที่ไต่สวนมา จึงมีน้ำหนักน่าเชื่อว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ส่งข้อความทางแอปพลิเคชันไลน์ตามภาพถ่าย เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 114 ถึง 116 ซึ่งเมื่อพิจารณาบทสนทนาทั้งหมดประกอบกันแล้ว บุคคลทั่วไปย่อมเข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า “ผมขอ 1 คะแนน จากท่าน แต่ผมจะให้ท่าน 2 คะแนน พอจะได้มั้ย” ได้ว่า ผู้คัดค้านเสนอให้คะแนนนายเมธัส 2 คะแนน แลกเปลี่ยนกับการขอให้นายเมธัสลงคะแนน ให้แก่ผู้คัดค้าน อันมีลักษณะเป็นการเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนคะแนนกันระหว่างผู้สมัครรับเลือก เป็นสมาชิกวุฒิสภา
@ อีก 1 คะแนนมาจากกผู้สมัครรายอื่น
ส่วนที่ผู้คัดค้านให้ถ้อยคําไว้ตามบันทึกถ้อยคําผู้ถูกร้อง เอกสารหมาย ร.1หน้าที่ 199 และหนังสือขอให้ถ้อยคําเพิ่มเติมของผู้คัดค้าน เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 210 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีเจตนาขอแลกเปลี่ยนคะแนน ผู้คัดค้านรู้อยู่แล้วว่าการให้ 2 คะแนนเป็นไปไม่ได้ตามกฎหมาย เพราะผู้มีสิทธิเลือก 1 คน มีสิทธิลงคะแนนได้เพียง 1 คะแนน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้คัดค้านจะให้คะแนนผู้ร้องถึง 2 คะแนน ก็ปรากข้อเท็จจริงว่ามีผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดในกลุ่มเดียวกับนายเมธัสและผู้คัดค้านทั้งสิ้น 49 คน ตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด กลุ่มที่ 3เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 95 ถึงหน้าที่ 97 อีกทั้งเมื่อพิจารณาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) ได้กําหนด วิธีการเลือกในระดับจังหวัดไว้ว่า ผู้ได้รับเลือกระดับอําเภอแต่ละกลุ่มมีสิทธิลงคะแนนเลือกบุคคลในกลุ่มเดียวกันได้ไม่เกินสองคน โดยจะลงคะแนนเลือกตนเองก็ได้ แต่จะลงคะแนนให้บุคคลใดเกินหนึ่งคะแนนมิได้ กรณีจึงเป็นไปได้ว่าคะแนน 2 คะแนน ที่ผู้คัดค้านเสนอให้นายเมธัสอาจ มาจากการที่ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัดคนอื่นในกลุ่มเดียวกับนายเมธัสและผู้คัดค้านเป็นคนลง คะแนนให้นายเมธัสด้วย
@เชื่อมีขบวนการขอคะแนนคนอื่นอีก
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังได้ความว่าเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 นายเมธัสได้มีหนังสือร้องเรียนแจ้งเบาะแสว่า มีผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มที่ 3 กลุ่มการศึกษา จังหวัดนครราชสีมา ส่อพฤติกรรมหรือน่าจะหรืออาจจะมีการว่าจ้าง การฮั้ว จัดตั้งกลุ่มพวกพ้องตนออกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ให้ เพื่อให้พวกตนได้รับการเลือก 5 คน เพื่อไปเลือกในระดับต่อไปโดยไม่สุจริต ซึ่งมีการระบุรายชื่อบุคคล 5 คน ที่คาดว่าจะได้รับการเลือกจากพวกเดียวกันที่สามารถสั่งให้ลงคะแนนได้ไว้ด้วย ตามหนังสือร้องเรียน ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เอกสารหมาย ร.1 หน้าที่ 98ถึงหน้าที่ 104 เบาะแสจากหนังสือร้องเรียนดังกล่าวยิ่งเป็นข้อสนับสนุนให้เห็นว่า น่าจะมีขบวนการวางแผนจัดการให้ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 3 คนอื่น นอกจากผู้คัดค้านลงคะแนนให้นายเมธัสอีก 1 คะแนน รวมเป็น 2 คะแนน ตามที่ผู้คัดค้านเสนอคะแนนให้แก่นายเมธัสข้อกล่าวอ้างของผู้คัดค้านที่ว่าผู้คัดค้านไม่มีเจตนาขอแลกเปลี่ยนคะแนน เพราะผู้คัดค้านรู้อยู่แล้วว่า การให้ 2 คะแนนเป็นไปไม่ได้ตามกฎหมาย จึงฟังไม่ขึ้น ประกอบกับผู้คัดค้านไม่ยื่นคําคัดค้านและไม่นําพยานเข้าไต่สวนให้เห็นเป็นอย่างอื่น พยานที่ผู้ร้องนํามาไต่สวนจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนคะแนนระหว่างผู้คัดค้านกับนายเมธัส โดยผู้คัดค้านเสนอให้คะแนน นายเมธัส 2 คะแนนแลกเปลี่ยนกับการขอให้นายเมธัสลงคะแนนให้แก่ผู้คัดค้าน ซึ่งการเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนคะแนนกันระหว่างผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาถือได้ว่าเป็นการแสวงหาคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกสมาชิกวุฒิสภาคนอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์เป็นคะแนนด้วยวิธีการที่ทําให้กระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มาจากเจตจํานงอิสระของผู้ลงคะแนนเลือกและไม่ได้มีการพิจารณาจากความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ อาชีพ ลักษณะ หรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทํางานหรือเคยทํางานด้านต่าง ๆ ที่หลากหลายของสังคมของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 107 และพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 11
@ เอาเปรียบผู้สมัครที่สุจริตรายอื่น
นอกจากนี้ ยังเป็นการเอาเปรียบผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่สุจริตรายอื่นทําให้ได้รับความไม่เป็นธรรมในกระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยชอบกฎหมายสําหรับตนเอง การกระทําของผู้คัดค้านที่เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนคะแนนระหว่างผู้คัดค้านกับนายเมธัสจึงเป็นการกระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือก อันทําให้การเลือกมิได้เป็นไปโดย สุจริตหรือเที่ยงธรรม ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 226 วรรคหนึ่ง และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 62 จึง เห็นสมควรให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายญาณวิทย์ เกียรติสูงเนิน ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคําพิพากษา

ข่าวคดีรายอื่นก่อนหน้า:
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ‘ธานนท์’ ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอสิชล ต้องคดีค้ายา (1)
- ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ศรีสะเกษ มีประวัติยักยอกทรัพย์ (2)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.อำเภอ จ.สระแก้ว มีประวัติทุจริตเลือกตั้ง (3)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นราธิวาส มีประวัติลักทรัพย์ (4)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.มหาสารคาม มีประวัติเจ้ามือเล่นพนัน(5)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.ยะลา เคยเป็นผู้บริหารท้องถิ่น(6)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.สมุทรสาคร ถือหุ้นบมจ.อาร์เอส (7)
- ศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.อ่างทอง ต้องคดีค้ายาเสพติด (8)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ ในจ.ตราด ถูกจำคุกคดีเจ้ามือไพ่รัมมี่ (9)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.นนทบุรี เคยจำคุกคดีหมิ่นประมาท (10)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.พัทลุง ถือหุ้นสื่อ อสมท (11)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ กําแพงเพชร มีประวัติเรียกรับทรัพย์สิน (12)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘ลูกสาว’ (13)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี ลงสมัครคราวเดียว‘สามี’ (14)
- รายที่ 2! เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอ จ.เพชรบุรี สมัครคราวเดียว‘สามี’ (15)
- ศาลเพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับอ.เมืองเพชรบูรณ์ สมัครคราวเดียวเมีย (16)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปีผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น บมจ.อาร์เอส
- หุ้นเดียวก็ไม่ได้! ฉบับเต็ม ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับอ.เมืองสมุทรสงคราม ถือหุ้น‘อาร์เอส’ (17)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือก สว.ระดับ จ.อ่างทอง พ้นที่ปรึกษานายกอบจ.ไม่ถึง 5 ปี
- ฉบับเต็มคดี‘คอดียะฮ์’ผู้สมัคร สว.! ไขปม ‘ที่ปรึกษานายก อบจ.’ เป็นผู้บริหารท้องถิ่น (18)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับ อ.สามชุก พ้นรองนายกเทศฯไม่ถึง 5 ปี (19)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ระดับ อ.บ้านแหลม พ้นรองนายกเทศฯไม่ถึง 5 ปี (20)
- คำพิพากษาฉบับเต็ม! เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี 2 ผู้สมัคร จ.ชลบุรี จับคู่ฮั้วลงคะแนนเลือก สว. (21)
- เพิกถอน 10 ปี ผู้สมัคร สว.ระดับ จ.สระบุรี โทร.ขอให้ถอนตัว/‘คุณนายจะเอาอะไรก็บอก’ (22)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี! ผู้สมัคร สว.ระดับ จ.อุบลฯ โทร.เสนอเงิน“ป๋าเลือกผม..เลากะให้ค่ารถห้าหมื่น” (23)
- เพิกถอนสิทธิฯ 10 ปี ผู้สมัคร สว.ระดับอำเภอ เขตหลักสี่ กรอกข้อมูลเท็จเป็นผู้สูงวัย 60 ปี (24)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา