จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! นายก อบต.แคนดง จ.บุรีรัมย์ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-เงินฝาก 2 ล.

Buriram 31 10 1

เปิดรายละเอียดคำพิพากษาศาลฎีกาฯ‘วิเชียร ดำริห์’นายก อบต. แคนดง จ.บุรีรัมย์ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ให้พ้นตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอลงโทษ 1 ปี ไม่ยื่น ป.ป.ช. 10 รายการ ของตน เมีย บุตร รวมเงินฝาก ธ.ก.ส. 2 ล้าน

สำนักว่าอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 15 กันยายน 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า นายวิเชียร ดำริห์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.แคนดง (วาระที่ 2) ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.แคนดง นับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 12 มีนาคม 2568) และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

นายวิเชียร ไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง นางสุคนธ์ทิพย์คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวม 10 รายการ รวมเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาแคนดง ชื่อบัญชี นางสุคนธ์ทิพย์ จำนวน 2,000,000 บาท รายละเอียดดังนี้

@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา

คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม 49/2567คดีหมายเลขแดงที่ อม 40/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 15 เดือน กันยายน พุทธศักราช 2568

ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายวิเชียร ดำริห์ ผู้ถูกกล่าวหา

เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง ขอให้พ้นจากตำแหน่ง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

@ไม่แจ้งทรัพย์สินของตน คู่สมรส บุตร รวม 10 รายการ รวมเงินฝากของน้องภรรยา 2 ล.

พิเคราะห์คำร้องประกอบเอกสารที่คู่ความรับข้อเท็จจริง สำนวนการไต่สวนของผู้ร้องและคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนสมรสกับนางสุคนธ์ทิพย์ ดำริห์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 มีบุตรด้วยกัน 2 คน นางสาวทิพากร แช่ถั่ว เป็นน้องสาวของนางสุคนธ์ทิพย์

ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ (วาระที่ 2) เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอีกครั้ง (วาระที่ 3)

ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 โดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน นางสุคนธ์ทิพย์ซึ่งเป็นคู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวม 10 รายการ รวมถึงเงินฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาแคนดง เลขที่บัญชี 400033758077 ชื่อบัญชี นางสุคนธ์ทิพย์ ดำริห์ ประเภทบัญชีสลากออมทรัพย์ จำนวน 2,000,000 บาท ซึ่งเปิดบัญชีและฝากเงินเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 มีอายุการฝาก 3 ปี จะครบกำหนดวันที่ 14 มิถุนายน 2565 ต่อมาวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่สลากออมทรัพย์จะครบกำหนด ได้มีการถอนเงินและปิดบัญชีดังกล่าว ตามเอกสารหมาย ร.19 หน้าที่ 403, 447 และ 448

สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ มีหนังสือฉบับลงวันที่ 27 ตุลาคม 2565 แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริง วันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 ผู้ถูกกล่าวหาและนางสุคนธ์ทิพย์ไปให้การชี้แจงข้อเท็จจริง และวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยในส่วนที่เกี่ยวกับเงินฝากบัญชีสลากออมทรัพย์ดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าเงินที่นำไปฝากเป็นเงินของนางสาวทิพากรซึ่งอยู่ต่างประเทศ จึงให้นางสุคนธ์ทิพย์มีชื่อถือแทน นางสุคนธ์ทิพย์ไม่เคยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ กับมีการถอนเงินและปิดบัญชีก่อนวันที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ได้แสดงรายการเงินฝากดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ตามเอกสารหมาย ร.13 หน้าที่ 241 ถึง 253 และหน้าที่ 259 ถึง 263 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ พิจารณาแล้วเห็นว่าคำชี้แจงเกี่ยวกับทรัพย์สินของคู่สมรส 3 รายการ คือ เงินฝากบัญชีสลากออมทรัพย์ดังกล่าว ที่ดิน 1 แปลง และบ้านพัก 1 หลัง รับฟังไม่ได้ กรณีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนา ไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) จึงมีหนังสือฉบับลงวันที่ 26 ธันวาคม 2565 แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา วันที่ 6 มกราคม 2566 ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบข้อกล่าวหา และวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566

ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยในส่วนเงินฝากบัญชีสลากออมทรัพย์ดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาอ้างเหตุเช่นเดียวกับที่เคยชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ตามเอกสารหมาย ร.15 หน้าที่ 288 ถึง 292 วันที่ 23 สิงหาคม 2566 เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการเงินฝากบัญชีสลากออมทรัพย์ของคู่สมรสดังกล่าวเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) เห็นควรเสนอเรื่องให้ผู้ร้องพิจารณา ตามเอกสารหมาย ร.16 หน้าที่ 297 ถึง 327 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้ร้องพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบด้วยและเห็นควรเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167 ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้าที่ 389 ถึง 394 จึงยื่นคำร้องเป็นคดีนี้

@วินิจฉัยข้ออ้างเงินฝากของน้องเมีย ไร้น้ำหนัก

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ (วาระที่ 2) หรือไม่

เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 และมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561

ผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับ ตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปี มาแล้วรวม 4 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ผู้ถูกกล่าวหาย่อมทราบดีว่ามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงในวันที่เข้ารับตำแหน่งหรือพ้นจากตำแหน่งต่อผู้ร้องให้ถูกต้องครบถ้วนทุกครั้งตามแบบที่ผู้ร้องประกาศกำหนด และในการยื่นครั้งนี้ได้ความว่าผู้ถูกกล่าวหา และนางสุคนธ์ทิพย์ช่วยกันจัดทำบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ เมื่อเงินฝากในบัญชีสลากออมทรัพย์มีจำนวนมากถึง 2,000,000 บาท และปรากฏข้อเท็จจริงตามรายการเดินบัญชีเงินฝากเอกสารหมาย ร.13 หน้าที่ 232 ถึง 235 ว่า ก่อนวันเปิดบัญชีสลากออมทรัพย์ใน วันที่ 14 มิถุนายน 2562 มีการฝากเงินสดหลายรายการเข้าบัญชีเงินฝากเลขที่ 16402438447 ของนางสุคนธ์ทิพย์ที่มีอยู่กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาแคนดง ซึ่งเป็นสาขาเดียวกัน กล่าวคือ

วันที่ 7 ตุลาคม 2558 จำนวน 1,000,000 บาท วันที่ 15 มีนาคม 2559 จำนวน 500,000 บาท วันที่ 17 มีนาคม 2560 จำนวน 300,000 บาท วันที่ 21 มีนาคม 2560 จำนวน 200,000 บาท วันที่ 1 มิถุนายน 2560 จำนวน 200,000 บาท วันที่ 27 ตุลาคม 2560 จำนวน 50,000 บาท วันที่ 21 ธันวาคม 2560 จำนวน 400,000 บาท วันที่ 28 ธันวาคม 2560 จำนวน 60,000 บาท วันที่ 5 เมษายน 2561 จำนวน 200,000 บาท วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 จำนวน 60,000 บาท วันที่ 18 ธันวาคม 2561 จำนวน 50,000 บาท และในวันที่ 14 มิถุนายน 2562 มีการฝากเงินสดอีก 320,000 บาท ทำให้มีเงินคงเหลือในบัญชี 3,478,684.88 บาท หลังจากนั้นมีรายการถอนเงินสดจากบัญชีไปในวันเดียวกัน 2,000,000 บาท ซึ่งเป็นการถอนเงินในวันเดียวและมียอดเงินเดียวกับที่มีการเปิดบัญชีและฝากเงินเข้าบัญชีสลากออมทรัพย์ แสดงว่าเงินที่นำไปเปิดบัญชีและฝากเข้าบัญชีสลากออมทรัพย์เป็นเงินที่เบิกถอนมาจากบัญชีเงินฝากของนางสุคนธ์ทิพย์ดังกล่าว ประกอบกับนางสุคนธ์ทิพย์เป็นผู้เปิดบัญชีและฝากเงิน มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชีและสลากออมทรัพย์ รวมทั้งเป็นผู้ถอนเงิน ปิดบัญชี และรับเงินสด จากการถอนเงินและปิดบัญชีสลากออมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ปรากฏว่านางสาวทิพากรเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใด ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าเงินที่นำไปฝากเป็นเงินของนางสาวทิพากร โดยนางสาวทิพากร นำเงินสดมามอบให้นางสุคนธ์ทิพย์ปีละ 100,000 ถึง 300,000 บาท นำไปฝากและมีชื่อถือแทนนั้น เป็นการอ้างลอยๆ ของผู้ถูกกล่าวหา นางสุคนธ์ทิพย์และนางสาวทิพากรซึ่งเป็นญาติใกล้ชิด ย่อมมีข้อให้ระแวงว่าจะให้การเข้าข้างเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นความผิด ทั้งเป็นข้ออ้างที่ไม่สมเหตุผลและขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ตามพฤติการณ์บ่งชี้ว่า เงินฝากในบัญชีสลากออมทรัพย์ดังกล่าวเป็นเงินของนางสุคนธ์ทิพย์ คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา และเชื่อได้ว่าอยู่ในวิสัยที่ผู้ถูกกล่าวหาจะรับรู้ถึงความมีอยู่ของเงินฝากในวันที่ตนพ้นจากตำแหน่ง การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงทรัพย์สินรายการดังกล่าว เป็นการละเลยหน้าที่อันต้องปฏิบัติในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่มีอยู่ให้ถูกต้องครบถ้วนตามความเป็นจริง และการถอนเงินและปิดบัญชีสลากออมทรัพย์ก่อนครบกำหนดและก่อนวันที่จะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพียงไม่กี่วัน โดยไม่ปรากฏเหตุผลหรือเหตุจำเป็นอันสมควร ส่อเจตนาของผู้ถูกกล่าวหาว่าประสงค์จะปิดบังทรัพย์สินส่วนนี้ ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพด้วยแล้ว จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง นับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 12 มีนาคม 2568) และต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับเป็นความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินตามมาตรา 167 ด้วย

@ ให้พ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี

พิพากษาว่า นายวิเชียร ดำริห์ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ (วาระที่ 2) ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแคนดง นับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ (วันที่ 12 มีนาคม 2568) และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไปตาม มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

Buriram 31 10 2

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage