เหตุรุนแรงที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงนี้ แม้กลุ่มผู้ก่อเหตุจะเปลี่ยนเป้าหมายจาก “กลุ่มอ่อนแอ - เปราะบาง” ทั้งเด็ก คนแก่ ผู้หญิง และคนพิการ มาเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ถืออาวุธก็ตาม
ข่าวคราวความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่แผ่วลงเลย
ช่วงเวลาที่ “ระดับนโยบาย” ยังไม่มีความชัดเจนในแง่ “ยุทธศาสตร์” ว่าจะดับไฟใต้กันอย่างไรให้สงบเสียที หลังจากยืดเยื้อมานานถึง 21 ปี แทบไม่มีอะไรดีขึ้น
เหตุการณ์ สจ. ลูก สส.คนดัง ส่งซิกให้ลูกน้องรุมตื้บ ตชด.ที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยภายในหน่วยเลือกตั้ง กำลังกลายเป็น “ความกร่าง” ที่ถูกขุดหาเบื้องหลัง
นายกฯแพทองธาร ประชุมแก้ปัญหาไฟใต้ 2 วันต่อเนื่องกัน โดยได้พบกับผู้นำสูงสุดของหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมถึงฝ่ายการเมือง นำโดย รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย
แน่นอนว่า การจัดการปัญหาระยะเฉพาะหน้าของสถานการณ์ชายแดนใต้ ณ วันนี้ คือหยุดเหตุรุนแรงที่พุ่งเป้าทำร้ายประชาชนกลุ่มอ่อนไหว-เปราะบาง โดยเฉพาะพี่น้องไทยพุทธ ให้ได้เสียก่อน
ความรุนแรงของเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงตั้งแต่ปักษ์หลังของเดือน เม.ย.68 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมุ่งเป้ากระทำต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสามเณร ชาวบ้านไทยพุทธในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็น “กลุ่มอ่อนไหว – เปราะบาง” จนหลายฝ่ายออกมาประณาม
แม่ทัพภาคที่ 4 ยอมรับเองจากการให้สัมภาษณ์ว่า เหตุร้ายชุดใหญ่ที่พุ่งเป้าทำร้าย “เป้าหมายอ่อนแอ” คือเหตุยิงอดีตอุสตาซ ที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 เม.ย.68
จากกรณีคนร้ายก่อเหตุกราดยิงชาวบ้านในชุมชนไทยพุทธ พื้นที่บ้านปลักปลา หมู่ 5 ต.โฆษิต อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 2 พ.ค.68 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย หนึ่งในนั้นคือเด็กหญิงวัยเพียง 8-9 ขวบ และมีผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย หนึ่งในสองคือบิดาของเด็กหญิงนั้น
ศึกตำรวจชายแดนใต้ยังไม่จบ หลังมีคำสั่งย้ายอดีตผู้กำกับการ สภ.โคกเคียน จ.นราธิวาส ออกจากตำแหน่งแบบขาดจากตำแหน่งเดิม โดยอ้างเหตุระเบิด “โชเล่ย์บอมบ์” บริเวณกำแพงรั้วแฟลตตำรวจของโรงพัก และเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นอีกหลายครั้งในพื้นที่ เข้าข่ายปล่อยปละละเลย