“…ไม่อาจรับฟังได้ว่า ที่ดินบริเวณส่วนที่แยกไปยังที่ย่อยศิลาเป็นที่ดินที่ได้ทำการสํารวจเสร็จเรียบร้อยตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 และกรมรถไฟแผ่นดินได้สงวนหวงห้ามเพื่อใช้ประโยชน์ในที่ดิน อันจะทำให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินรถไฟ ตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางทางรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้ เมื่อปี พ.ศ.2551…”
......................................
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายวิริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ลงนามในหนังสือเลขที่ รฟ.อบ.1000/1792/2568 ลงวันที่ 29 ก.ย.2568 สำนักงานอาณาบาล เรื่อง ขออนุมัติให้ฟ้องคดี โดยอ้างถึงมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2554 ที่วินิจฉัยว่า
การออกโฉนดในที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง ซึ่งเป็นที่สงวนห้ามมิให้ออกโฉนด เป็นการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงให้ฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
โดยที่ดินที่ รฟท.จะดำเนินการฟ้องขับไล่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของนางกรุณา ชิดชอบ (ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) จำนวน 1 แปลง และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด จำนวน 1 แปลง (อ่านประกอบ : เปิดที่ดิน 2 แปลงแรกเขากระโดง รฟท.จ่อฟ้องขับไล่-'กรุณา ชิดชอบ-บ.ศิลาชัย' ผู้ครอบครอง)
ใน 2 ตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ขอนำเสนอหนังสือบันทึก ‘สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ’ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 17 มี.ค.2552
เกี่ยวกับ ‘ข้อเท็จจริง’ ของโฉนดที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 ,ที่มาการแต่งตั้ง 'คณะกรรมการสอบสวน' เพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง (อ่านประกอบ : ย้อนรอยคดี‘เขากระโดง’(1) ข้อเท็จจริงโฉนด 2 แปลง-‘ชิดชอบ’ให้ข้อมูล‘คกก.สอบสวน’ค้านเพิกถอน)
ตลอดจนความเห็นของ ‘คณะกรรมการสอบสวน’ ที่มีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 (อ่านประกอบ : ย้อนรอยคดีเขากระโดง(2) 'คกก.สอบสวน'แยกเป็น 2 ฝ่าย 'ที่ดินจ.บุรีรัมย์'ชี้โฉนด'ชิดชอบ'ไม่ชอบ)
ในตอนสุดท้ายนี้ สำนักข่าวอิศรา ขอบทสรุป ‘สุดท้าย’ ของหนังสือบันทึกฯ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 17 มี.ค.2552 ซึ่ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ในขณะนั้น ได้ลงนามคำสั่ง ‘เห็นชอบ’ ตามข้อเสนอ ‘สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ’ โดยสั่งไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 และสั่ง ‘ยุติเรื่อง’ มีรายละเอียด ดังนี้
@‘กฤษฎีกา’ชี้‘เขากระโดง’เป็นที่ดินรถไฟฯ แม้บางส่วนมีสภาพเป็นป่า
หนังสือบันทึกสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 17 มี.ค.2552 โดยนายสุชาติ เต็งสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานออกหนังสือสำคัญ และนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ลงนาม ‘เห็นชอบ’ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2552 (ตอนจบ)
4.ความเห็น
สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงจากการสอบสวนรับฟังว่า
1.โฉนดที่ดินเลขที่ 3466 หน้าสํารวจ 832 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตารางวา ออกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2515 ให้แก่นายชัย ชิดชอบ ซึ่งออกสืบเนื่องจากหลักฐาน น.ส.3 เลขที่ 334 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ออกให้แก่นางบัวทอง รอดชมพู เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2508
โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 334 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน มีชื่อนางบัวทอง รอดชมพู เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดินไว้ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 จำนวนเนื้อที่ 6 ไร่ 1 งาน 63 ตารางวา ต่อมานางบัวทองฯ ได้ขาย ที่ดินตาม น.ส.3 เลขที่ 334 ให้แก่นายชัย ชิดชอบ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2508
และนายชัยฯ ได้นํา น.ส.3 ดังกล่าวไปขอออกโฉนดที่ดิน ซึ่งในการดำเนินการออกโฉนดที่ดินบริเวณทิศตะวันตกระบุเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง ได้มีการชี้เขตและรับรองแนวเขตโดยเขตบํารุงทางลำชี ใน การออกโฉนดที่ดินไม่มีการคัดค้านโต้แย้ง
เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2535 นายชัย ชิดชอบ ได้ขายที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 ให้กับ บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จํากัด และต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 25540 บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จํากัด ได้จํานองที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ไว้กับธนาคารสหธนาคาร จํากัด (มหาชน) ผู้รับจํานอง (ปัจจุบันได้มีการไถ่ถอนจํานองจาก ธนาคารสหธนาคาร จํากัด (มหาชน) แล้ว โดยได้จดทะเบียน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2550)
2.โฉนดที่ดินเลขที่ 8564 หน้าสํารวจ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา ออกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2518 ให้แก่นายประพันธ์ สมานประธาน ซึ่งออกสืบเนื่องจากหลักฐาน น.ส.3 เลขที่ 120 ,409 ,411 และ 502 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
จากการตรวจสอบ น.ส.3 ทั้ง 4 ฉบับ ข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้ คือ
2.1 น.ส. 3 เลขที่ 120 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา ออกเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2510 ให้แก่นายยอด กลีกร โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 120 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน มีชื่อนายยอด กะลีกร เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดิน เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2498 เนื้อที่ 12 ไร่ – งาน - ตารางวา
2.2 น.ส.3 เลขที่ 409 และ 411 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 4 ไร่ – งาน - ตารางวา และเนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 33 ตารางวา ออกให้แก่นายแก้ว ทรงศิริ และนายประพันธ์ สมานประธาน ตามลำดับ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2510
โดยแยกมาจาก น.ส. 3 เลขที่ 290 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 290 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน มีชื่อนางล้อม พลสยม เป็นผู้แจ้งการครอบครอง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2498 เนื้อที่ 14 ไร่ - งาน - ตารางวา
2.3 น.ส.3 เลขที่ 502 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา ได้ออกให้แก่นายสมบูรณ์ เถียรในเมือง เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2510 โดยแยกมาจาก น.ส.3 เลขที่ 295 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน โดยอาศัยหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 295 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน มีชื่อนายจาก เถียรในเมือง เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดิน เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2498 เนื้อที่ 17 ไร่ 2 งาน - ตารางวา
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2535 นายประพันธ์ สมานประธาน ได้จดทะเบียนแบ่งทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส โอนที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับนางเรียม สมานประธาน เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2536 นางเรียม สมานประธาน ได้มาขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับนายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล
และเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ได้ขายที่ดินแปลงดังกล่าวให้กับ นางกรุณา ชิดชอบ และเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 นางกรุณา ชิดชอบ ได้จํานองที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ไว้กับธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน)
3.การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือ ที่ 1/6054/2548 ลงวันที่ 30 กันยายน 2548 ถึงอธิบดีกรมที่ดินแจ้งข้อเท็จจริงพร้อมส่งเอกสารให้กรมที่ดินพิจารณาดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
การรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่า โฉนดที่ดินดังกล่าว เป็นโฉนดที่ดินที่ออกในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณเขากระโดง ตามพระราชกฤษฎีกำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี พุทธศักราช 2462 และขอให้เพิกถอนสิทธิในที่ดินแปลงอื่นๆ ทุกแปลงที่ได้ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา
ผลการตรวจสอบจังหวัดบุรีรัมย์ตามหนังสือ ที่ บร 0019/1060 ลงวันที่ 23 มกราคม 2550 สรุปได้ดังนี้
ที่ดินบริเวณดังกล่าว การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กล่าวอ้างสิทธิ โดยอาศัยพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462
และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2464 ซึ่งที่รกร้างว่างเปล่าและที่ดินไม่มีเจ้าของ การรถไฟฯได้ที่ดินมา โดยอาศัยพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟฯดังกล่าว เพื่อเป็นแหล่งผลิตศิลาสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
การตรวจสอบรูปแผนที่โฉนดที่ดินทั้งสองแปลง การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือเลขที่ 1/7046/2549 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2549 แจ้งว่า ได้ระบุตำแหน่งของที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว ในแผนที่กรมรถไฟแผ่นดินสายโคราช-อุบลราชธานี แผนที่แสดงเขตที่ดินของการรถไฟตอนแยกไปย่อยที่ย่อยศิลาเขากระโดง
และภายหลังจากนั้น ได้มีการขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดส่งรูปแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 แต่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่สามารถจัดส่งรูปแผนที่ดังกล่าว ให้กรมที่ดินประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด
4.เมื่อปี พ.ศ.2540 จังหวัดบุรีรัมย์ได้ส่งเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทยกับกรมที่ดินมีความเห็นแตกต่างกันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานีให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาให้ความเห็น
คณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาเมื่อปี พ.ศ.2541 ตามหนังสือ ที่ นร 0601/211 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2551 แล้วเห็นว่า “ที่ดินบริเวณที่หารือ ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในแนวเขตที่ดินของกรมรถไฟในขณะนั้น มีสภาพเป็นที่ป่ายังไม่มีผู้ใดครอบครองทำประโยชน์ และเมื่อกรมรถไฟแผ่นดินได้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นแหล่งวัตถุสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟ
จึงถือได้ว่าการดำเนินการดังกล่าว เป็นการสํารวจที่ดินเพื่อเวนคืนที่ดินในส่วนที่เอกชนเป็นเจ้าของ และเป็นการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้ใช้ในราชการตามกฎหมายแล้ว ที่ดินนั้น จัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินรถไฟตามมาตรา 3(2) และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช 2464”
@พบ‘รฟท.’ไม่มี‘แผนที่แนบท้ายฯ’-อ้าง‘แผนที่อื่น’ไม่อาจรับฟังได้
5.จากข้อเท็จจริงดังกล่าว มีประเด็นที่ต้องพิจารณา ดังนี้
5.1 ที่ดินบริเวณที่แยกไปยังย่อยศิลาบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง บุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นระยะทาง 8 กิโลเมตร โดยมีการกันระยะสองข้างทางตัดจากศูนย์กลางทางประธาน จากกิโลเมตรที่ 4-450 ถึง กม. 8+000 ข้างละ 1 กิโลเมตร เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้สงวนหวงห้ามเป็นที่ดินของการรถไฟหลวง (ในขณะนั้น) โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทาง รถไฟต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 หรือไม่
ในประเด็นนี้ เมื่อพิจารณาจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ.2541 การที่ที่ดินดังกล่าวมีผลเป็นการสงวนหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2462 ได้นั้น จะต้องปรากฏว่า การสํารวจที่ดินเพื่อกำหนดแนวเขตที่ดินใช้สร้างทางรถไฟได้ดำเนินการโดยครบถ้วนแล้ว
และกรมรถไฟแผ่นดินได้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นแหล่งวัตถุสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟ จึงถือได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการสํารวจที่ดินเพื่อเวนคืนที่ดินในส่วนที่เอกชนเป็นเจ้าของ และเป็นการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่าง เปล่าไว้ใช้ในราชการตามกฎหมายแล้ว ที่ดินนั้นจัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินของการรถไฟฯ ตามมาตรา 3 (2) แล้ว
ดังนั้น การที่จะพิจารณาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ นอกจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ พ.ศ.2541 แล้ว การรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องมีหลักฐานที่แสดงแนวเขตการสํารวจที่ดินเพื่อกำหนดแนวเขตที่ดินที่ใช้สร้างทางรถไฟ
ในส่วนนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยได้อ้างรูปแผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดินสายโคราช-อุบล แผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตร 375-650 เป็นหลักฐาน
แต่เนื่องจากรูปแผนที่ดังกล่าว มิได้มีการระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสํารวจหรือจัดทำขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาฉบับใด และไม่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับที่ดินเขตที่รถไฟบริเวณตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง
ประกอบกับ ต่อมาเมื่อจังหวัดบุรีรัมย์ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับรองว่า แผนที่แสดงตำแหน่งที่ดินของโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับ เป็นบริเวณที่ดินที่อยู่ในการประกาศสงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงฯ พ.ศ.2462 หรือไม่
การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่รับรองว่าเป็นบริเวณตามรูปแผนที่ในพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟ ฯ พ.ศ.2462 แต่อย่างใด จึงมีกรณีต้องพิจารณาว่าที่ดินตามรูปแผนที่ของกรมรถไฟแห่งแผ่นดินดังกล่าว (ซึ่งกรมที่ดินตาม โฉนดที่ดินทั้งสองฉบับและบริเวณตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาเขากระโดง) เป็นที่ดินตามที่มีการสํารวจไว้ครบถ้วนแล้ว ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ หรือ ไม่
ในกรณีนี้สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญได้ตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้ คือ
5.1.1 ตรวจสอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับรูปแผนที่ว่า แผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดิน เป็นแผนที่ที่ทำการสํารวจแนวเขตที่ดินรถไฟ ตามรูปแผนที่ประมาณที่กำหนดเขตแนวทางรถไฟในพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 หรือไม่
ในการดำเนินการตรวจสอบ กรมที่ดินและคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1556/2550 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ได้แจ้งขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดส่งสำเนารูปแผนที่ประมาณตามที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 ดังกล่าว
แต่การรถไฟแห่งประเทศไทยไม่สามารถจัดส่งรูปแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงฯ พ.ศ.2462 มาแสดงได้ โดยในครั้งหลังสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือ เลขที่ บส./ทบ./020/2552 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 จัดส่งหลักฐานรูปแผนที่และสำเนาเอกสารต่างๆ รวม 23 รายการ ให้กรมที่ดิน เพื่อประกอบการพิจารณา และกรมที่ดินได้ตรวจสอบเอกสารดังกล่าวแล้ว
5.1.2 จากการตรวจสอบรูปแผนที่นครราชสีมา (บุรีรัมย์) ของกรมแผนที่ทหาร ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้จัดส่งให้กรมที่ดิน ตามหนังสือนําส่ง เลขที่ บส./ทบ./020/2552 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 และได้แจ้งในหนังสือนําส่งดังกล่าวสรุปได้ว่า
ในแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงฯ ฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 ซึ่งจัดเก็บไว้ในหน่วยงานอื่นๆ ตามที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาค้นหาไม่พบ เนื่องจากเวลาได้ผ่านมานานถึง 85 ปีเศษ แล้ว พบแต่แผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) จากกรมแผนที่ทหาร พ.ศ.2464 ซึ่งสามารถเทียบเคียงได้ เพราะปรากฏแนวเขตทางรถไฟส่วนที่แยกไปยังที่ย่อยศิลาตรงกัน
ฉะนั้น แผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) จากกรมแผนที่ทหาร จึงเป็นหลักฐาน ยืนยันว่ารูปแผนที่กรมรถไฟแผ่นดินสายนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี แสดงเขตที่ดินของการรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ เดิมเป็นที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ที่ประมาณไว้ในแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 นั้น
จากการพิจารณารูปแผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) เกี่ยวกับวันที่ทำการสํารวจในสนาม และวันที่ดำเนินการเสร็จในสนาม เห็นได้ว่า เป็นการจัดทำการสํารวจในระหว่างปี พ.ศ.2464 ถึง 2465 ซึ่งจัดทำเสร็จภายหลังพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินฯ พ.ศ.2464 และไม่มีการแจ้งว่าได้ดำเนินการจากหลักฐานใด จึงน่าจะเป็นการสํารวจจัดทำรูปแผนที่ภูมิประเทศตามที่ปรากฏในภาคสนามทั่วไป
ส่วนการสํารวจแนวเขตเส้นทางรถไฟ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 ซึ่งหากมีการสํารวจเสร็จแล้วจริง ย่อมสามารถที่จะนําผลการสํารวจไปจัดทำประกาศไว้ รวมกับพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินฯ พ.ศ.2464 ฉบับลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2464 ได้ แต่ปรากฏว่า ไม่มีการกล่าวถึงที่ดินในส่วนนี้
และตามบัญชีรายชื่อเจ้าของที่ดินที่จะต้องทำการขอจัดซื้อที่ดิน ซึ่งมีระบุไว้ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินฯ พ.ศ.2464 ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จำนวน 469 ราย แยกเป็นเจ้าของที่ดินในจังหวัดบุรีรัมย์จำนวน 114 ราย
เมื่อตรวจสอบรายชื่อแล้วไม่ปรากฏรายชื่อเจ้าของที่ดิน บริเวณส่วนที่แยกไปยังที่ย่อยศิลา จำนวน 18 ราย ทั้งที่เป็นสาระสำคัญ เพราะมิฉะนั้นจะเป็นผลให้ ไม่มีการยกเลิกที่ดินของประชาชนในส่วนที่ไม่มีการจัดซื้อที่ดินให้พ้นจากการเป็นเขตหวงห้าม
แต่กลับไม่ปรากฏว่ามีการสงวนหวงห้ามบริเวณที่ดินของเจ้าของที่ดินบริเวณสองข้างทางรถไฟ ทั้งที่ไม่มีการประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินฯ ในปี พ.ศ.2464 แต่อย่างใด เป็นเหตุให้ไม่น่าเชื่อว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินที่อยู่ในแนวเขตทางรถไฟตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงฯ พ.ศ.2462
นอกจากนี้ เมื่อได้ตรวจสอบระยะและลักษณะเส้นทางรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลาในรูปแผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) จากกรมแผนที่ทหาร พบว่า ระยะทางรถไฟในแผนที่มีระยะความ ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร และที่ปลายสุดระยะทางจุดโรงงานทุบหิน และบ่อ ซึ่งตรงกับหลักฐานที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอ้างเรื่องร่องรอยการทำประโยชน์บริเวณ กม.6-/550
และลักษณะของทางแยกเป็น 2 ลักษณะ คือ บริเวณปากทางเข้าไปจนถึงประมาณกิโลเมตรที่ 4 มีลักษณะเป็นรางรถไฟ ส่วนที่เหลือต่อจากนั้นจนถึงปลายสุดทาง ประมาณ 2 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทางคล้ายเส้นทางถนน (ไม่มีสภาพของรางรถไฟ) สภาพรอบๆ เป็นป่าไม้เต็งรัง และไม่มีการระบุเกี่ยวกับรัศมีทางรถไฟข้างละ 1,000 เมตร แต่อย่างใด
แสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าว ยังไม่มีการกันเขตทางไว้ และยังไม่มีการใช้ประโยชน์ เพราะหากมีการเข้าใช้ประโยชน์แล้ว ย่อมต้องมีการระบุรายละเอียดให้ชัดเจน เช่นที่ปรากฏในส่วนอื่นๆ ของรูปแผนที่
ดังนั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับแนวเขตจากรูปแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร จึงขัดกับรูปแผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดินอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับสภาพที่ดินตามที่ปรากฏว่าเป็นป่าไม้เต็งรัง การที่จะสงวนหวงห้ามเพื่อเป็นแหล่งผลิตศิลาไว้ใช้ ตามเหตุผลที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้แจ้งให้ทราบ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะไม่มีสภาพเป็นแหล่งหินให้เห็นชัดเจน
และจากการตรวจสอบในที่ดินบริเวณอื่นๆ ของการรถไฟฯ ว่า มีบริเวณอื่นที่มีการกันเขตสองข้างทางรถไฟสูงสุดเป็นระยะเท่าใด พบว่าในจังหวัดสระบุรี บริเวณเขาเท่อเล่อ ได้มีการกันเขตสองข้างทางรถไฟเฉพาะบริเวณรอบเขาเป็นระยะทางข้างละ 100 เมตร นอกนั้นไม่มีการกันเขตที่มากกว่านี้อีก และการกันเขตสองข้างทางรถไฟไม่มีระเบียบ หรือ หลักเกณฑ์กำหนดไว้
ดังนั้น การกันแนวเขตสองข้างทางรถไฟ เป็นระยะข้างละ 1,000 เมตร ในขณะนั้น จึงยังมีเหตุผลที่ไม่ชัดเจน
จากผลการพิจารณาโดยใช้รูปแผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) เพื่อเทียบเคียงกับรูปแผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดิน ข้อเท็จจริงไม่อาจรับฟังได้ว่า แผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดิน เป็นแผนที่ตามที่ได้มีการสํารวจแนวเขตทางรถไฟตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟ ฯ พ.ศ.2462
@ไม่อาจรับฟังว่า‘ชัย ชิดชอบ’ยอมรับที่ดินตามโฉนดฯเป็นของรถไฟฯ
5.2 ในกรณีที่ข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับรูปแผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดิน ไม่อาจรับฟังได้ว่า เป็นรูปแผนที่ที่จัดทำตามที่ได้มีการกำหนดแนวเขตทางรถไฟ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 และได้ดำเนินการสํารวจเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วได้ นั้น
จึงมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปว่า กรมรถไฟแผ่นดินได้มีการสงวนหวงห้ามและเข้าทำประโยชน์ในกิจการของการรถไฟหรือไม่ เป็นระยะแนวเขตเท่าใด
จากการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้
5.2.1 ตามหนังสือการรถไฟแห่งประเทศไทย เลขที่ บส./ทบ./020/2552 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 แจ้งว่า สภาพการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการปักหลักเขตแปลงที่ดินได้ถูกราษฎรบุกรุกที่ดินเป็นจำนวนมาก หมุดเขตหลักฐานต่างๆ สูญหายเกือบหมด แต่ไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกแต่อย่างใด
5.2.2 เหตุผลที่การรถไฟแห่งประเทศไทยอ้างว่า เพื่อใช้เป็นแหล่งผลิตศิลาทั้งที่สภาพที่ดินไม่ใช่ที่เขาแต่เป็นที่ป่า และมีบริเวณโรงงานทุบหินตามที่ปรากฏในรูปแผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์ได้อยู่แล้ว จึงไม่น่าที่จะต้องย่อยหินในบริเวณสองข้างทางรถไฟดังกล่าวแต่อย่างใด
นอกเหนือจากนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานอื่นที่จะประกอบการพิจารณาได้ว่า มีการใช้ประโยชน์อย่างอื่นในบริเวณสองข้างทางตั้งแต่ กม.ที่ 4.00-450 ถึง 8.000
5.2.3 จากการตรวจสอบสำเนาเอกสารบันทึกการประชุมร่วม เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2513 ซึ่งมีบันทึกว่า นายยุกต์ เจียรพันธ์ และจําเลยอื่นๆ ยอมรับว่าที่ดินพิพาทตามฟ้อง โจทก์ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟ และนายชัย ชิดชอบ ขออาศัยที่ดินพิพาทจากการรถไฟ และการรถไฟ ตกลงยินยอมให้อาศัย แต่ในบันทึกไม่มีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับที่ดิน หรือหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินว่า เป็นที่ดินแปลงใด นั้น
เมื่อตรวจสอบดูจากหลักฐานการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินของโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 หน้าสํารวจ 823 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ปรากฏว่า ที่ดินแปลงนี้เดิมมีหลักฐานเป็น น.ส.3 เลขที่ 334 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน
ออกสืบเนื่องจาก ส.ค.1 เลขที่ 334 มีชื่อนางบัวทอง รอดชมภู เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดิน นายชัย ชิดชอบ ได้ซื้อที่ดิน ตามหลักฐาน น.ส.3 เลขที่ 334 จากนางบัวทอง รอดชมพู เมื่อปี พ.ศ.2508 และนางบัวทองฯ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายยุกต์ฯ แต่อย่างใด
ต่อมาเมื่อนายชัยฯ ได้นําหลักฐาน น.ส.3 เลขที่ 334 มาขอออกโฉนดที่ดิน เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 หน้าสํารวจ 823 ก็ไม่มีการคัดค้านในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ดังนั้น ในประเด็นนี้ จึงไม่อาจรับฟังว่า เป็นการยอมรับว่าที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 เป็นที่ดินที่นายชัย ชิดชอบ ยอมรับสภาพว่า เป็นที่ดินของการรถไฟ
5.2.4 จากการตรวจสอบเรื่องการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 823 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งออกสืบเนื่องจากหลักฐาน น.ส.3 เลขที่ 334 และ น.ส.3 เลขที่ 502 ,411 ,409 ,120 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัดเดียวกัน ตามลำดับ และ น.ส.3 ดังกล่าวได้ออกจากหลักฐาน ส.ค.1 ตามข้อ 1 และ 2
ปรากฏว่า ในการออก น.ส.3 เลขที่ 334 การออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 3466 และ 8564 ได้มีการรับรองแนวเขตที่ดินของการรถไฟ โดยเขตบํารุงทางลำชี และไม่ปรากฏว่ามีการคัดค้านหรือโต้แย้งสิทธิในที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด
5.2.5 ผลการอ่าน แปล ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณเขตโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 823 และ 1121 ตำบลอิสาน อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จากระวางหมายเลข 5638 IV 9655 เมื่อ พ.ศ.2497 และ พ.ศ.2519ของกรมที่ดิน
ปรากฏว่า เมื่อปี พ.ศ.2497 บริเวณที่ดินทั้งสองแปลง พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติและพื้นที่แผ้วถาง ซึ่งหมายถึงมีร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว และมีการครอบครองที่ดินเรื่อยมาจนมีสภาพเป็นหมู่บ้าน ในปี พ.ศ.2519
จากข้อเท็จจริงตามข้อ 5.2.1 ถึง 5.2.5 แสดงให้เห็นว่า บริเวณที่ดินส่วนแยกไปยังที่ย่อยศิลาบริเวณเขากระโดง ได้มีการเข้าครอบครองทำประโยชน์ ทั้งจากกรมรถไฟแผ่นดินและประชาชนในละแวกดังกล่าว ซึ่งแม้แต่การแจ้งที่ดินข้างเคียงใน ส.ค.1 เลขที่ 1180 ด้านทิศเหนือและทิศใต้ ระบุว่า “เป็นที่ป่าและที่ดินราษฎรข้างเคียง” และในการออกโฉนดที่ดินพิพาททั้งสองแปลง ก็มีลักษณะที่เป็นการยอมรับสิทธิในที่ดินตามหลักฐาน ส.ค.1
แต่เนื่องจากการเข้าสงวนหวงห้ามที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดิน จนถึงการรถไฟแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน ไม่สามารถนําพยานหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นว่า เป็นการสงวนหวงห้ามตามกฎหมายใด การอ้างสิทธิในที่ดินทั้งหมด จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ต้องพิจารณาดูจากสภาพการเข้าสงวนหวงห้าม
@‘อธิบดีกรม’เซ็นคำสั่งเห็นชอบไม่เพิกถอนโฉนดที่ดิน‘ชิดชอบ’ 2แปลง
6.จากผลการตรวจสอบพยานหลักฐานในข้อ 4,5 รับฟังได้ว่า
6.1 การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่สามารถนํารูปแผนที่ประมาณเขตแนวรถไฟ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 มาแสดง เพื่อยืนยันแนวเขตรถไฟส่วนแยกไปยังที่ย่อยศิลา บริเวณเขากระโดง เป็นแนวเขตที่มีการสงวนหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาฯ ฉบับนี้ จริง
6.2 จากการตรวจสอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับรูปแผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดิน ตลอดจนเอกสารอื่นๆ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดส่งมาเพื่อประกอบการพิจารณา ไม่อาจรับฟังได้ว่า ที่ดินบริเวณส่วนที่แยกไปยังที่ย่อยศิลาเป็นที่ดินที่ได้ทำการสํารวจเสร็จเรียบร้อยตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462
และกรมรถไฟแผ่นดินได้สงวนหวงห้ามเพื่อใช้ประโยชน์ในที่ดิน อันจะทำให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินรถไฟ ตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตาม มาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางทางรถไฟและทางหลวง พระพุทธศักราช 2464 ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้ เมื่อปี พ.ศ.2551
ดังนั้น ที่ดินดังกล่าว จึงเป็นที่ดินที่กรมรถไฟได้สํารวจและเข้าครอบครองทำประโยชน์ไว้ ซึ่งเดิมมีสถานะเป็นที่รกร้างว่างเปล่าและป่า (ไม่ใช่ป่าที่มีการสงวนหวงห้ามตามกฎหมาย) โดยไม่ปรากฏหลักฐานว่า เป็นการสงวนหวงห้ามตามกฎหมายใด
7.การที่ที่ดินพิพาท ไม่ใช่ที่ดินตามที่มีการสงวนหวงห้ามไว้ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 ราษฎรจึงสามารถเข้าถือครองที่ดินบริเวณดังกล่าวได้ หากปรากฏว่ากรมรถไฟแผ่นดินยังมิได้เข้าใช้ประโยชน์ในขณะนั้น การแจ้ง ส.ค.1 คลุมพื้นที่ดังกล่าวไว้ ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิในที่ดินได้เช่นเดียวกัน
เมื่อมีราษฎรเข้าครอบครองที่ดินและได้แจ้ง ส.ค.1 ไว้ จึงเป็นเรื่องที่การรถไฟแห่งประเทศไทย จะต้องไปพิสูจน์สิทธิของตนให้ปรากฏชัดเจนก่อน
ดังนั้น ในกรณีนี้ ข้อเท็จจริงตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้แจ้งขอให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 823 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากเป็นโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงไม่อาจรับฟัง เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินได้
ประกอบกับคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1556/2550 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 ได้สอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว เห็นว่า ที่ดินส่วนที่แยกไปยังที่ย่อยศิลาบริเวณเขากระโดง ไม่ใช่ที่ดินที่ได้ทำการสํารวจเสร็จเรียบร้อยตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462
และสงวนหวงห้าม รวมทั้งเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้ว ซึ่งจะทำให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของการรถไฟ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยไว้ และไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินขึ้นมา เพื่อให้มีผลเวนคืนที่ดินของเอกชน และหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้ใช้ในราชการตามกฎหมายแต่อย่างใด
และได้มีมติเห็นควร ไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง โดยหากการรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่ามีสิทธิดีกว่าก็ควรดำเนินการเพื่อพิสูจน์สิทธิทางศาลต่อไป
ดังนั้น จากเหตุผลข้างต้นไม่สามารถชี้ได้ว่า การออกโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงไม่สมบูรณ์ หรือขัดต่อกฎหมาย จึงเห็นควรไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงและยุติเรื่องในกรณีนี้ ทั้งนี้ เห็นควรแจ้งผลการพิจารณาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ทราบด้วย
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา หากเห็นชอบ ขอได้โปรดลงนามในหนังสือถึงผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่เสนอมาพร้อมนี้
ทั้งนี้ หนังสือบันทึกสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 17 มี.ค.2552 ลงนามโดยนายสุชาติ เต็งสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานออกหนังสือสำคัญ นั้น ได้ถูกเสนอไปยัง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’
ต่อมาวันที่ 18 มี.ค.2552 นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้น ได้ลงนาม ‘เห็นชอบ’ และสั่ง ‘ยุติเรื่อง’ การดำเนินเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 823 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และแจ้งเรื่องให้ผู้ว่าฯ รฟท. และผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ รับทราบต่อไป
เหล่านี้เป็นสาระสำคัญทั้งหมดของ หนังสือบันทึกสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กรณีโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ของคนในตระกูล ‘ชิดชอบ’ เมื่อปี 2552
ก่อนที่ในอีก 16 ปีต่อมา รฟท.อยู่ระหว่างการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรม เพื่อขอให้ศาลฯพิพากษาเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง เนื่องจากเป็นการออกโฉนดในที่ดินบริเวณ ‘เขากระโดง’ เขากระโดงของ รฟท. และต้องติดตามกันต่อไปว่าคดีฟ้องเพิกถอนโฉนดที่ดินของแปลงของคนในตระกูล ‘ชิดชอบ’ จะมีบทสรุปอย่างไร?


อ่านประกอบ :
ย้อนรอยคดี‘เขากระโดง’(1) ข้อเท็จจริงโฉนด 2 แปลง-‘ชิดชอบ’ให้ข้อมูล‘คกก.สอบสวน’ค้านเพิกถอน
ย้อนรอยคดี‘เขากระโดง’(1) ข้อเท็จจริงโฉนด 2 แปลง-‘ชิดชอบ’ให้ข้อมูล‘คกก.สอบสวน’ค้านเพิกถอน
เปิดที่ดิน 2 แปลงแรกเขากระโดง รฟท.จ่อฟ้องขับไล่-'กรุณา ชิดชอบ-บ.ศิลาชัย' ผู้ครอบครอง
‘ทวี’ ยกคำตัดสิน 9 ครั้งย้ำชัด ‘เขากระโดง’ ที่รถไฟ ‘ทรงศักดิ์’โต้คำวินิจฉัยไม่เคยบอก
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(จบ) รฟท.โต้ปม‘แผนที่ฯ’-ขอศาลฯสั่งถอนโฉนด‘เขากระโดง’
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(3) คำพิพากษา'เขากระโดง'ผูกพันอธิบดี-ใช้ดุลพินิจมิชอบ
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(2) ‘คกก.สอบสวน’ยุติเรื่องฯไม่รอผลรังวัด‘เขากระโดง’
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(1) ยก‘คำพิพากษา-กฤษฎีกา'ยัน'รฟท.'เจ้าของ'เขากระโดง'
‘มหาดไทย’ รื้อใหม่กระบวนการ ‘เขากระโดง’ รอผลศาลปค.-รฟท.ฟ้องรายแปลงเท่านั้น
‘รฟท.’ โต้ ดีเอสไอ เปล่าเลื่อนแจ้งความ ‘เขากระโดง’ ชี้มีนัดให้การ 5 ก.ย. 68
‘ดีเอสไอ’เตือน‘รฟท.’ไม่แจ้งความ‘เขากระโดง’ละเว้นฯ เปิดสองมุม‘ภูมิธรรม-อนุทิน'
‘ภูมิธรรม’ เผย ไทม์ไลน์ เซ็นเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง สิ้นเดือนก.ย.นี้
พบอีก! ‘สุทัศน์’อนุกรรมการกม.‘รฟท.’ปี 63 เคยเป็นทนายให้‘ชาวบ้าน’35 ราย คดี‘เขากระโดง’
เซ็นเพิกถอนเขากระโดงส่อเลื่อน! อธิบดีกรมที่ดินเอ็นข้อหัวไหล่ฉีกขาด ส่งตัวผ่าตัดศิริราช
DSI ลงพื้นที่'บุรีรัมย์'พบนิติกรรมต้องสงสัยโฉนด‘เขากระโดง’หลายแปลง-ส่อพัฒนาเป็นคดีพิเศษ
ย้ำ‘รฟท.’เจ้าของ‘เขากระโดง’ แจ้งออก‘ส.ค.1’ยืนยันสิทธิฯ-โต้ปมแนวเขตที่ดินข้างละ 40 เมตร
'ภูมิธรรม' ส่งตัวแทนยื่นร้อง 'ทิวา' ทนายเขากระโดง แถลงข่าวใช้ถ้อยคำรุนเเรงโจมตีผิดมรรยาท
ไม่ขัดกม.-มรรยาทฯ! ‘ชนินทร์’แจงช่วงนั่ง‘ปธ.อนุฯกฎหมาย’รฟท. ไม่เกี่ยวข้องคดี'เขากระโดง'
ส่อขัด‘มรรยาท’! พบ‘ชนินทร์’ทนายคดี‘เขากระโดง’ เคยนั่ง‘ปธ.อนุกรรมการกม.’รฟท.
รฟท.แจ้งครอบครอง'เขากระโดง'ป้องกัน'บุกรุก' ก่อน'กฤษฎีกา'ชี้'ที่ดินรถไฟ'ไม่ต้องออก ส.ค.1
ยังรอ มท.เพิกถอนโฉนด! รฟท. ยกคำตัดสินศาลปค.ที่ดินทั้ง 5,083 ไร่เป็นของการรถไฟฯ
‘ภูมิธรรม’ ยัน ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ มาตรฐานเดียว จับตาชงครม.ตั้ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’
DSI จ่อฟัน ‘อาญา-ฟอกเงิน’ บุกรุก ‘เขากระโดง’ - อ้าง รฟท. เจ้าของที่ดิน 5 พันไร่
‘กรมที่ดิน’ชี้ 3 แนวทางเพิกถอน‘โฉนด’ม.61 หลัง‘เดชอิศม์’ตั้ง‘กก.ตรวจสอบฯ’ปม‘เขากระโดง’
เปิดปฏิบัติการ‘คู่ขนาน’ทวงคืน‘เขากระโดง’ บี้ทบทวนคำสั่ง‘กรมที่ดิน’-ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’
รฟท.อุทธรณ์ศาลปค. 2 ประเด็น ‘เขากระโดง’ แล้ว - จ่อส่งข้อมูลให้คกก.ชุด ‘ภูมิธรรม’
‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘อธิบดีที่ดิน’ แจงคดีเขากระโดงใน 7 วัน ยันทำไม่เว้นแม้แต่ ‘อัลไพน์’
ฉบับเต็ม! คำวินิจฉัย‘ศาลปค.’ไม่รับฟ้องบางข้อหา-ตีตกปม‘รฟท.’ขอสั่งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฟ้อง 4 ข้อหาไม่รับ 2!‘ศาลปค.’ตีตกคำขอ‘รฟท.’สั่ง‘กรมที่ดิน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’995 ฉบับ
‘ภูมิธรรม’เผยเตรียมเซ็นคำสั่งตั้ง คกก.ทบทวนพิพาท ‘เขากระโดง’
‘ภูมิธรรม’ โยนรมว.จริงมาทำ ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ - ปัดคุยแต่งตั้งโยกย้าย
มีอิทธิพลในพื้นที่-บุคลากรไม่พอ! เปิดหนังสือ‘รฟท.’ขอ‘อสส.’ฟ้องถอนโฉนด‘เขากระโดง’
‘อนุทิน’ แจงเขากระโดง-อัลไพน์ ไม่เกี่ยวกัน นายกฯไม่เคยแทรกแซง
‘ประชาชน’ อัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ ‘อัลไพน์-เขากระโดง’ จับเป็นตัวประกันเจรจา กล่าวหาแรงหวังฮุบที่วัด
‘สร.รฟท.’บุก‘ปปป.’กล่าวโทษ‘อธิบดีกรมที่ดิน-คกก.สอบสวน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
รฟท.ร่างคำฟ้องยื่นศาลปค. ‘เขากระโดง’ชี้คำสั่งคกก.มาตรา 61 ไม่ชอบ
‘สุริยะ’ ยังไม่ตอบ ‘เขากระโดง’ จะฟ้องรายแปลงหรือไม่ - น้อมรับศาลไม่เพิ่มผู้บริหารแผน ‘บินไทย’
ฉบับเต็ม! เปิดหนังสือแจ้งผลอุทธรณ์ฯ ‘มท.’ชี้‘กรมที่ดิน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ชอบแล้ว
‘อนุทิน’ เผยผลอุทธรณ์ ‘เขากระโดง’ ยืนตามมติเดิม ไม่เพิกถอน
ชาวบ้าน 35 ราย กลับลำ เบรกเซ็นสัญญาเช่าที่ดิน‘เขากระโดง’อ้างแพง-‘รฟท.’เร่ง‘บังคับคดี’
‘กรมที่ดิน’โต้‘รฟท.’อ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่ ขยายความเกิน‘คำพิพากษา’
‘สุริยะ’ย้ำ‘เขากระโดง’ที่ดินรถไฟฯ พร้อมให้ชาวบ้านเช่าราคาถูก-‘อนุทิน’รอฟังคำสั่ง‘ศาลปค.’
เทียบชัดๆ! คำพิพากษา‘ศาลฎีกา’ VS ความเห็น‘คกก.สอบสวน’ ชี้แนวเขตที่ดินรถไฟฯ‘เขากระโดง’
เผือกร้อน‘สุริยะ-รฟท.’ฟ้อง‘ศาลยุติธรรม’เพิกถอนโฉนด‘รายแปลง’ ปิดฉากมหากาพย์‘เขากระโดง’!
‘สุริยะ-รฟท.’ รอผลอุทธรณ์กรมที่ดิน ‘เขากระโดง’ - ‘วีริศ’ชี้ต้องรอบคอบ หวั่นโดน 157
บังคับคดีแล้ว! โชว์เอกสาร‘ศุภวัฒน์’คืนที่ดิน‘เขากระโดง’ 24 ไร่-ชดใช้‘รฟท.’ 4.8 ล้าน
มท.1ชี้ออกสัญญาเช่า 'เขากระโดง' พิสูจน์สิทธิก่อน-'กรมที่ดิน'ย้ำรถไฟฯไม่มีแผนที่ท้าย'พ.ร.ฎ.'
ฉบับเต็ม!หนังสืออุทธรณ์‘รฟท.’(จบ) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ละเลยต่อหน้าที่ ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฉบับเต็ม! หนังสืออุทธรณ์‘รฟท’(2) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ใช้ดุลพินิจมิชอบ ไม่ถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฉบับเต็ม! หนังสืออุทธรณ์‘รฟท’(1) ที่ดิน‘เขากระโดง’เป็นของ‘รถไฟฯ’-ไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์อีก
'วีริศ' ส่งหนังสือถึง 'อธิบดีกรมที่ดิน' เพิกถอนมติคกก.สอบสวน 'เขากระโดง'
สอบเขากระโดงล่ม! กมธ.ที่ดินเผย องค์ประชุมไม่ครบก่อนขอมติ
‘เลขาฯกฤษฎีกา’ ชี้ต้องยึดคำพิพากษาเป็นหลัก ‘เขากระโดง’ ‘รฟท.-กรมที่ดิน’ แค่สื่อสารไม่ตรงกัน
‘กรมที่ดิน’ แจง ‘ที่ดินเขากระโดง’ ‘รถไฟ’ไร้เอกสารหลักฐานยืนยัน
‘รถไฟ’ ยื่นศาลปค.อธิบดีทำไม่ครบที่ดิน‘เขากระโดง’-‘อนุทิน’ยันไม่มีช่วยใคร
ย้อนคำวินิจฉัย'ศาลปค.' คดีถอนโฉนด'เขากระโดง'-ก่อน‘กรมที่ดิน’โยน‘รฟท.’ฟ้องขับไล่'รายแปลง'
ไม่ขัดแย้งคำพิพากษา!‘กรมที่ดิน’แจงไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’-แนะ‘รฟท.’ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ จี้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง มาเป็นของ รฟท.
‘รฟท.’เร่งสรุปท่าทีทวงคืน‘เขากระโดง’-ข้องใจ‘คกก.สอบสวน’ไม่รับ‘แผนที่’ยกสู้คดีในศาลจนชนะ
ไม่เชื่อ'แผนที่'ตามคำพิพากษา! ฉบับเต็ม‘คกก.สอบสวน’ยก 4 เหตุผล ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
โยน‘รฟท.’พิสูจน์สิทธิ์ในศาล! ‘คณะกรรมการสอบสวนฯ’มีมติไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 5 พันไร่
‘สนง.ที่ดินบุรีรัมย์’ส่งหนังสือแจ้ง‘รฟท.’รังวัด‘เขากระโดง’เสร็จแล้ว-พร้อมแนบระวางแผนที่
รังวัดฯเสร็จแล้ว! ‘กรมที่ดิน’จ่อชงข้อมูล‘คณะกรรมการสอบสวน’ชี้ขาดเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
รฟท.ลงพื้นที่นำชี้แนวเขต'เขากระโดง'-'กรมที่ดิน'แจงกม.ขีดเส้นรังวัดฯให้เสร็จภายใน 50 วัน
ย้อนไทม์ไลน์ 1 ปี เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ไม่คืบหน้า-‘กรมที่ดิน’นัด'รฟท.'ชี้เขตรังวัดที่ดิน
8 เดือนไม่เพิกถอน! ‘กรมที่ดิน’รังวัดเขตที่ดินรถไฟ‘เขากระโดง’ใหม่-รฟท.ติดเรื่องค่าใช้จ่าย
เปิดหนังสือทนายตระกูล‘ชิดชอบ’ อ้าง 9 ข้อเท็จจริง ค้าน‘คกก.สอบสวน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
แผนที่เขตรถไฟฯมีพิรุธ! ทนายตระกูล‘ชิดชอบ’ยกต่อสู้ ปมถอนโฉนดเขากระโดง-ชี้ศก.บุรีรัมย์ชะงัก
ไม่เกี่ยวถอนโฉนดเขากระโดง!‘ชยาวุธ’เปิดใจลาออกอธิบดีที่ดินดูแลภรรยาป่วย
เปิดตำแหน่งโฉนด’ตระกูล‘ชิดชอบ’ทับที่รถไฟฯ‘เขากระโดง’-‘ฝ่าย กม.’แจงซื้อโดยสุจริต
จ่อโดนเพิกถอน! ชัดๆเปิด‘โฉนด-น.ส.3’ตระกูล’ชิดชอบ’ 20 แปลง 288 ไร่ ทับที่ดิน‘เขากระโดง’
ก่อน‘ชยาวุธ’ทิ้งเก้าอี้อธิบดี! พบ‘คกก.สอบสวน’แจ้งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’รุกที่หลวง 2 แปลง
'อนุทิน'ปัดการเมืองกดดัน 'อธิบดีกรมที่ดิน'ยื่นลาออก อย่าโยงปมพิพาท‘เขากระโดง’
การบ้าน‘อนุทิน’นั่ง‘มท.1’! แก้โจทย์สายสีเขียว-เพิกถอนโฉนดเขากระโดง-ต่อสัญญาซื้อน้ำ‘กปภ.’
ลุยเพิกถอนโฉนด 5 พันไร่!‘กรมที่ดิน’ไม่อุทธรณ์คดี‘เขากระโดง’-แจ้งศาลฯตั้ง‘คกก.สอบสวน’แล้ว
‘รฟท.’ยื่นอุทธรณ์คดี‘เขากระโดง’ปมเรียกค่าเสียหาย 707 ล้าน-รอ‘ศาลปค.’แจ้งท่าที‘กรมที่ดิน’
เส้นตาย 30 เม.ย.! ‘รฟท.’จับตา‘กรมที่ดิน’ยื่นอุทธรณ์คดีเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 772 แปลง
ฉบับเต็ม! พลิกคำพิพากษา‘ศาล ปค.’สั่ง‘กรมที่ดิน ‘ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ถอนโฉนด‘เขากระโดง’
‘ศาลปค.กลาง’สั่ง‘อธิบดีกรมที่ดิน’ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ เพิกถอนโฉนดที่ดิน‘เขากระโดง’ 772 แปลง
ยันไม่ละเลยเพิกเฉย! ‘กรมที่ดิน’ลุ้น‘ศาลปค.กลาง’ตัดสินคดีถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 30 มี.ค.นี้
‘ศาลปค.’นัดตัดสินคดีถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 30 มี.ค.นี้-‘ตุลาการฯ’ชี้‘กรมที่ดิน’ละเลยหน้าที่
'ศาลปค.'นั่งพิจารณานัดแรก คดี'รฟท.'ฟ้อง'กรมที่ดิน'ขอสั่งเพิกถอนโฉนด'เขากระโดง' 5 พันไร่
เปิด 2 คำร้อง! ยื่น ป.ป.ช. เอาผิด-สอบจริยธรรม‘ศักดิ์สยาม’ เอื้อเครือญาติยึด‘เขากระโดง’
ยื่น ป.ป.ช.ฟัน'ศักดิ์สยาม' 3 เรื่อง! 'ทวี'แนะปมเขากระโดง ส่งศาลฎีกาสอบจริยธรรมทันที
ข้อมูลใหม่! โฉนด 12 แปลง 179 ไร่ ออกทับที่ดินรถไฟ‘เขากระโดง’ โยงเครือญาติตระกูล‘ชิดชอบ’

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา